หมวดวิศวกรรม/เทคโนโลยียานยนต์ => คู่มือการใช้/ประวัติรถยนต์ => คู่มือการซ่อม (Service Manual) => TOYOTA => ข้อความที่เริ่มโดย: Auto Man ที่ 08 ตุลาคม 2563, 17:04:51
-
ตำนานที่นำมาลงไว้ตรงนี้ จุดประสงค์เพื่อเอาไว้อ้างอิงเทียบเคียงเป็นคู่มือการซ่อม ไม่ได้มีเจตนาอื่นๆ ในทางไม่สุจริต
โตโยต้า ไฮเอซ (Toyota Hiace) เป็นรถเพื่อการพาณิชย์หรือที่เรียกกันติดปากว่า “รถตู้” และไม่ว่าจะกี่ปีเจ้ารถตระกูลไฮเอชของโตโยต้ายังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย เพราะด้วยความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ความทนทานของเครื่องยนต์และช่วงล่าง ห้องโดยสารกว้างขวาง จัดวางเบาะนั่งได้หลายรูปแบบ ราคาที่ประเมินความคุ้มได้เมื่อนำมาใช้ประกอบกิจการงานทำมาหากิน มีระยะคืนทุนที่ไม่นาน ครั้งนี้มาลองย้อนต้นกำเนิดเจ้า “โตโยต้า ไฮเอช” ไปด้วยกัน ก่อนที่จะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ในเร็ววันนี้
โตโยต้า ไฮเอช ออกมาจากโรงงานผลิตที่ญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี 1967 หรือ พ.ศ. 2510 มาถึงปัจจุบันเป็นเจเนอเรชั่นที่ 6 และข้ามน้ำข้ามทะเลมาให้คนไทยได้ใช้งานกันหลังจากนั้นราว 15 ปี คือเมื่อ พ.ศ. 2525 โดยถูกนำมาใช้งานในธุรกิจขนส่งและรถโดยสาร รถรับส่งนักเรียน รถบ้าน ฯลฯ (ยังไม่ได้นำมาใช้เป็นรถตู้สาธารณะ) และเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นถึงขนาดที่นำมาใช้งานเป็นรถตู้สาธารณะวิ่งตามเส้นทางทั้งในเมืองและออกนอกเมือง จะเห็นได้ว่า “ไฮเอช” เป็นรถเพื่อการพาณิชย์ที่นำมาใช้งานได้หลายรูปแบบมากๆ แต่ในไทยนำเข้าไฮเอชมาจำหน่ายใน 3 โมเดล คือ รถตู้ทั่วไป = ไฮเอช (Hiace), รถตู้ทรงหลังคาสูง = คอมมิวเตอร์ (Commuter) และรถตู้ทรงหลังคาสูงแบบวีไอพี = เวนจูรี (Ventury)
-
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62737792)
สำหรับ โตโยต้า ไฮเอช เจเนอเรชั่นที่ 1 ผลิตเมื่อปี 1967-1977 (พ.ศ. 2510-2520) ตัวถังรหัส H10 ยุคนั้นตัวถังมี 2 แบบ คือ แบบรถบรรทุก 4 ล้อ และแบบรถตู้ เน้นใช้งานบรรทุกและรถสาธารณะ รูปทรงดูเชยๆ แต่เน้นการใช้งานที่ส่วนใหญ่นำไปใช้เป็นรถแบบ Camper Van มี 2 ประตู และ 1 ประตูสไลด์ เครื่องยนต์เบนซินมีขนาด 1.3, 1.5, 1.6 และ 1.8 ลิตร เกียร์ 4 สปีด รับผู้โดยสารได้ถึง 8 ที่นั่ง โดยในยุคแรกนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทำตลาดแข่งกับ นิสสัน โฮมมี่ (Nissan Homy) อีกด้วย
-
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62737793)
เจเนอเรชั่นที่ 2 ผลิตปี 1977-1982 (พ.ศ. 2520-2525) รหัส H11, H20,H30,H40 มีการปรับเปลี่ยนด้านการออกแบบให้มีความลู่ลมมากขึ้น ขนาดตัวถังมีความยาวมากขึ้น จากเดิม 4,305 มม. ขยายเป็น 4,340 มม. และมีรุ่นตัวถังแบบแววที่ยาวขึ้นเป็น 4,990 มม. พื้นที่ห้องโดยสารจึงมีความกว้างมากขึ้น รองรับผู้โดยสารได้ 15 ที่นั่ง ส่วนเครื่องยนต์มีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.6, 1.8 และ 2.0 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร รุ่นนี้ในบ้านเราเรียกโฉมว่า “หัวแตงโม”
-
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62737794)
เจเนอเรชั่นที่ 3 ผลิตปี 1982-1989 (พ.ศ.2525-2532) รหัสตัวถัง H50 มีการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องของขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น จากเดิมฐานล้อกว้าง 2,290 มม. มาเป็น 2,295 มม. และ 2,795 มม. ในรุ่นตัวถังยาว ความยาว 4,425-5,025 มม. เครื่องยนต์เบนซิน 1.8, 2.0, 2.2 และ 4.0 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล มี 3 ขนาด คือ 2.2, 2.4 และ 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ซึ่งรุ่นนี้มีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่สำหรับขับเคลื่อน 4 ล้อ มีจำหน่ายในญี่ปุ่นเท่านั้น โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นที่เริ่มรู้จักในไทยมากขึ้นอีกด้วย รุ่นนี้จึงถือว่าเป็นรุ่นที่เปิดเส้นทางการเติบโตให้กับไฮเอชในไทย
-
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62737795)
เจเนอเรชั่นที่ 4 ผลิตปี 1989-2004 (พ.ศ.2532-2547) รหัสตัวถัง H100 โฉมนี้จะเป็นรุ่นที่เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จัก เพราะทำตลาดในไทยนานมาก ตัวถังมีทั้งแบบไฮเอชและคอมมิวเตอร์ ซึ่งรุ่นนี้ยังใช้เป็นรถตู้สาธารณะที่คุ้นตากัน เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลทำออกมาหลายขนาดมาก ตั้งแต่ 2.0-3.0 ลิตร มีทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ แต่ในบ้านเราจะเน้นเครื่องยนต์ดีเซลมากกว่า มีการออกแบบตัวถังที่ดูทันสมัยมากขึ้น มีความลู่ลมจนถูกเรียกว่าเป็นรุ่น “หัวจรวด” รุ่นนี้ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะเรื่องของอัตราเร่ง ห้องโดยสารที่กว้าง ประหยัดน้ำมัน และยังเป็นรุ่นที่ขายดีมาอย่างยาวนานเป็นระดับตำนานของตระกูลไฮเอชกันเลยทีเดียว เพราะทำตลาดมานานถึง 15 ปี ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนโฉมในภายหลัง
-
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62737796)
เจเนอเรชั่นที่ 5 ผลิตปี 2004-2018 (พ.ศ.2547-2560) รหัสตังถัง H200 เป็นรุ่นก่อนปรับโฉมครั้งล่าสุด เป็นอีกหนึ่งรุ่นยอดฮิตที่นำมาใช้งานกันหลากหลาย ทั้งเป็นรถขนส่ง รถโดยสาร ตกแต่งเป็นรถวีไอพี เป็นรุ่นที่ถือว่ามีความสมบูรณ์แบบที่สุด เครื่องยนต์ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ โดยรุ่นที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทยเป็นรุ่นเวนจูรี่ เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.7 ลิตร 2TR-FE 4สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i และ รุ่นคอมมิวเตอร์ ขนาด 3.0 ลิตร 1KD-FTV (I/C) 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการปรับโฉมเป็นเครื่อง 1GD-FTV ขนาด 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รับรองไอเสีย Euro 6
รุ่นนี้มีความหรูหราและให้ความสะดวกสบายที่ต่างจากเดิมหน้ามือเป็นหลังมือ และได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้ประกอบการขนส่งและผู้ประกอบการท่องเที่ยว ถึงขนาดเป็นรุ่นที่ขึ้นบัญชีถูกขโมยส่งออกไปชายแดนมากที่สุด แม้แต่ราคาขายต่อยังดีอีกด้วย ถือว่าเป็นรถตู้โดยสารขวัญใจมหาชนกันเลย
-
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62737797)
เจเนอเรชั่นที่ 6 โฉมปัจจุบัน พ.ศ. 2562 รหัสตัวถัง H300 เข้าสู่ยุคใหม่ของตระกูลไฮเอช แต่ยังคงรองรับการใช้งานแบบสุดคุ้มเหมือนเดิม มาพร้อมกับตัวถังที่ออกแบบใหม่ เสริมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรุ่นใหม่ โดยโตโยต้ามีการเผยว่า ตัวถังของไฮเอชใหม่ถูกสร้างบนแพลตฟอร์มที่ได้รับการพัฒนาเพื่อให้มีทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความทนทานเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานสำหรับทั้งการเดินทางและการขนส่ง มีการออกแบบให้ฝากระโปรงหน้ายื่นออกมาซึ่งทำให้ดูทันสมัยขึ้น
ข้อมูลมาจากที่นี่... (https://www.grandprix.co.th/%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%82%E0%B8%A2/)