หมวดวิศวกรรม/เทคโนโลยียานยนต์ => เครื่องล่าง/ส่งกำลัง/ไฟฟ้ายานยนต์ => ห้องปรับอากาศรถยนต์ => ข้อความที่เริ่มโดย: Auto Man ที่ 30 เมษายน 2560, 06:57:51
-
ถ้าระบบการทำงานของแอร์ของท่านสมาชิกดีพอ แนะนำว่า ให้ตั้งอุณหภูมิแอร์ พอดีๆ (สำหรับรถที่ตั้งอุณหภูมิแอร์ได้ ก็ตั้งไว้ที่ 24 - 25 องศา แต่ถ้า รถที่ตั้งอุณหภูมิไม่ได้ แนะนำว่า ให้ตั้งปานกลางไว้ครับ) จากนั้น เวลาต้องการให้ระบายความเย็นเข้ามาในห้องโดยสารเร็วๆ ให้ใช้วิธี เปิดสวิทช์แรงลมแทนครับ วิธีนี้ จะช่วยบำรุงรักษาคอมเพรสเซอร์แอร์ให้อยู่กับเรานานๆครับ (ไม่ต้องกลัวเรื่องการตัดต่อของหน้าคลัชท์คอมพ์แอร์บ่อยๆครับ ให้คิดว่า ยิ่งตัดบ่อยยิ่งประหยัดเชื้อเพลิงครับ)
และอีกพฤกติกรรมหนึ่ง ที่จะช่วยทำให้ ห้องโดยสารไม่มีกลิ่นอับ ซึ่งที่มาของกลิ่นอับก็คือ ความชื้นสะสม ที่อยู่ตามรังผึ้งแอร์ ความชื้นสะสมนี้ถ้าสะสมมากๆเข้าจะจับเอาฝุ่นละอองเอาไว้ ทำให้การระบายลมลำบากนานๆเข้า ก็จะจับตัวเป็นน้ำแข็งครับ สุดท้ายลมก็จะออกมาน้อย เกิดการผุกร่อนจนน้ำยารั่วได้ วิธีปฏิบัติป้องกันก็คือว่า ก่อนจะถึงที่หมาย (ก่อนดับเครื่องยนต์) ประมาณ 3 นาที หรือก่อนถึงที่หมายประมาณ 2 - 3 ก.ม. ให้ชะลอความเร็วรถ (เพื่อช่วยลดความร้อนของเครื่องยนต์) ขณะเดียวกัน ให้ปิดสวิทช์ A/C (ปิดคอมพ์แอร์) แล้วเปิดสวิทช์พัดลมให้แรงที่สุด พอถึงที่หมาย ค่อยปิดสวิทช์พัดลม แล้วค่อยบิดสวิทช์กุญแจดับเครื่องยนต์ครับ วิธีนี้ จะช่วยรักษาระบบแอร์ให้อยู่กับเรานานๆครับผม
- ข้อมูลจากคลับ JZ :-X
-
ใช้งานปรกติ ไม่ต้องไปทำแบบนั้นหรอกครับ การที่เราปิดแอร์ก่อนถึงที่หมายทำได้ยาก ลองคิดดูว่าเราเหนียวตัวไหม อากาศร้อนขนาดนี้ ในคลอย์เย็นก็เช่นกัน พอมันลดภาระลงคลอย์เย็นจะเริ่มจับฝุ่นที่เราเป่าด้วยลมแรงๆ ทำให้ฝุ่นดันตัวเข้าไปอยู่ในคลอย์เย็นได้ง่ายขั้นแอร์ก็อุดตันได้เร็ว กลิ่นอับก็มีเหมือนเดิม วิธีแก้กลิ่นอับ ก็ให้เปิดพัดลมแรงๆก่อนสักสองสามนาทีแล้วค่อยเปิด A/C ก็จะช่วยได้ จริงๆการเปิดแอร์นั้น ควรจะวอร์มเครื่องให้เครื่องร้อนเสียก่อนแต่ในความเป็นจริงทำได้ยาก คนเร่งรีบ สตาร์ดเปิดแอร์วิ่งไปกันเลย หมั่นเอาฟิลเตอร์มาเป่าฝุ่น หรือเปลี่ยนทุกๆ 3 หมื่นกิโล หรือตามความเหมาะสมถ้าเห็นว่าสกปรกก็ควรเปลี่ยน พรมที่เท้าก็ควรเคาะฝุ่นบ้าง ล้างแอร์ปีล่ะครั้งอย่างน้อย ปลีกย่อยมีอีกเยอะครับ (\) น้ำหอมไม่ควรใส่ การบูร แป้ง เจล มีปฎิริยากับตู้แอร์ทั้งนั้น