CAN-BUS คืออะไร? หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของ CAN-BUS ผ่านหูกันบ้าง แต่มีน้อยคนนักที่จะเข้าความหมายและหน้าที่
ของอุปกรณ์นี้ ดังนั้นเราจึงต้องมาอธิบายให้ผู้อ่านได้เข้าใจ
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ รถยนต์สมัยใหม่เต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย ยิ่งรถยนต์หรูหรือสปอร์ตราคาแพง
ก็ยิ่งอัดแน่นของข้าวของมากมาย ซึ่งเจ้าอุปกรณ์ที่ว่ามาทั้งหมดต้องทำงานผสานกัน โดยอาศัยหลัก
การสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ที่เรียกว่า CAN-BUS แน่นอนว่าผู้อ่านหลายคนเคยได้ยินชื่อเรียกนี้
แต่จะมีมากน้อยขนาดไหนที่เข้าใจวิธีในการทำงานของสิ่งนี้ หากท่านอยากเข้าใจและรู้ถึงข้อดี
เชิญอ่านบทความนี้ให้จบ
รู้หรือไม่ว่ารถยนต์นับหลังจากยุคปี 2000 เป็นต้นมามีการใช้ระบบการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์
ในรถยนต์แบบดิจิตอล หรือ CAN-BUS (Controller Area Network) โดยถ้าเปรียบสิ่งนี้กับร่างกาย
ของมนุษย์ก็คงเป็นระบบประสาท ที่เชื่อมต่อประสานส่งผ่านข้อมูลไปทั่วรถทั้งคันผ่าน ในทำนองเดียว
Nodes หรือโมดูลทำหน้าที่เสมือนกล้ามเนื้อเชื่อมต่อกับ CAN-BUS ราวกับเป็นระบบเครือข่ายส่วนกลาง
และทุกสัญญานจะส่งมายัง ECU ที่เป็นแขนขาให้สามารถขยับเคลื่อนไหวได้
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ ในรถยนต์ยุคใหม่นั้นมาพร้อมกับ ECU จำนวน 30-70 ตัว ขึ้นอยู่กับประเภทของรถตลอดจนอุปกรณ์
ที่ใส่เข้ามา ซึ่งแต่ละตัวทำหน้าที่ต่างกันออกไป เช่น ควบคุมระบบเครื่องยนต์ ควบคุมระบบถุงลมนิรภัย
หรือระบบเครื่องเสียงภายในรถยนต์ จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นภายในรถมีหน่วย
ประมวลผลกลางประจำตัวแทบทั้งสิ้น
ต่อมาเป็นหน้าที่ของ CAN-BUS ซึ่งช่วยให้ ECU แต่ละอุปกรณ์สามารถสื่อสารส่งข้อมูลหากัน
โดยไม่ต้องลากสายไฟแบบเดิมไปมาหากันจนวุ่นวาย อีกทั้งยังอัพเดทข้อมูล ECU ชุดระบบควบคุมเครื่องยนต์
หรือแม้แต่ชุดควบคุมกล่องเกียร์อัตโนมัติ ด้วยการเสียบเข้าทางพอร์ต OBD แล้วจึงเปิดโปรแกรม
สั่งดำเนินงานได้อย่างง่ายดาย
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ ข้อดีของ CAN-BUS มีอะไรบ้าง ? 1. ประหยัดต้นทุน – เนื่องจาก ECU ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่ละตัวในรถยนต์สื่อสาร
ผ่านโครงข่าย CAN-BUS ด้วยสัญญาณดิจิตอล จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความผิดพลาดเหมือนตอนส่งสัญญาณ
แบบอานาล็อกด้วยสายดั้งเดิม อีกทั้งยังช่วยในเรื่องน้ำหนักรถโดยรวมที่น้อยลง และเรื่องต้นทุนการผลิต
ที่ถูกกว่าเพราะไม่ต้องเสียไปกับค่าสายไฟ
2. ควบคุมจากส่วนกลาง – เครือข่าย CAN-BUS ทำให้สามารถตรวจความผิดปกติได้จาก
หน่วยควบคุมส่วนกลาง รวมถึงปรับตั้งค่าต่างๆ ให้กับ ECU อื่นที่เชื่อมโยงอยู่ภายในโครงข่ายเดียวกัน
ผ่านการเสียบเข้ากับพอร์ต OBD
3. ทนทาน – ความทนทานที่ว่านี้เกิดจากการที่ CAN-BUS ไม่ถูกรบกวนทางไฟฟ้า
ตลอดจนแม่เหล็กไฟฟ้า จึงทำให้เหมาะอย่างยิ่งต่อการเป็นสื่อกลางในการสื่อสารภายในรถยนต์
4. ประสิทธิภาพสูง – สัญญาณที่ถูกส่งผ่าน CAN-BUS จะถูกจัดลำดับความสำคัญ
ด้วย ID ของแต่ละอุปกรณ์ ซึ่งหมายความว่าแม้จะมีการสื่อสารกันตลอดเวลาแต่คำสั่งงาน
หรือข้อมูลจะไม่ติดขัด
5. ยืดหยุ่น – เนื่องจาก ECU แต่ละตัวที่เชื่อมต่อเข้ากับ CAN-BUS สามารถส่งข้อมูล
ถึงกันและกันได้ มันจึงประมวลผลและตัดสินใจว่าจะทำตามหรือไม่ได้ด้วยตนเอง ซึ่งช่วยให้แก้ไข
รวมถึงเพิ่มอุปกรณ์เข้ามาในระบบได้สะดวก อาทิ เรานำอุปกรณ์ตรวจระบบรถยนต์แบบบลูทูธ
ที่เสียบผ่านพอร์ต OBDII ข้อมูลภายในรถยนต์ทั้งหมดก็ถูกส่งมายังอุปกรณ์ที่เพิ่งเสียบเข้าไปทันที
เพื่อให้เราสามารถตรวจสอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ดังกล่าวได้
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจ CAN-BUS มากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้ลงลึกถึงประวัติความเป็นมา หรือรายละเอียดทางเทคนิคของเครือข่ายดังกล่าว เนื่องจากทีมงานคิดว่าให้ความรู้อย่างถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องลงลึกมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผู้อ่านสับสนมากกว่าเกิดเป็นความเข้าใจ
ขอขอบคุณบทความดีๆ
จาก Ridebuster.com