มิตซูบิชิ แลนเซอร์ CB2A 1,500 ซีซี เช็คอ่านโค๊ดไม่ได้

[Auto Man]

     กระทู้เกี่ยวกับเรื่อง Mitsubishi Lancer ช่วงนี้จะมีเยอะหน่อย เพราะมีรถ
มาเข้ารับการบริการหลายรุ่นด้วยกัน แต่ละคันก็มีหลายอาการ ก็ทะยอยนำลงเป็นกระทู้
ในเว็บ www.Auto-NKP.com ให้เพื่อนสมาชิกได้ศึกษาเรียนรู้ไปด้วยกัน

    กับอาการใช้เครื่องสแกนเข้าไปเช็คโค๊ดไม่ได้

    โดยเจ้าของรถได้นำรถไปเช็คกับร้านเพื่อนที่เปิดเป็นร้านคาร์แคร์/ประดับยนต์
เห็นบอกว่าสามารถเข้าสแกนได้ แต่ไม่เจอโค๊ด

     เราเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเค้าใช้เครื่องสแกนรุ่นไหน สามารถเข้าได้ตรงรุ่นหรือเปล่า
อันนี้ต้องว่า "ไม่รู้เลย"

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ

[Auto Man]

    เค้าเลยแนะนำให้ไปหาร้านที่มีหัวอินเตอร์เฟส ที่จะทำการเชื่อมต่อระหว่าง
ตัวรถกับเครื่องสแกน

    แอดเองก็มั่นใจว่าเครื่องที่ชอปเรามี น่าจะมีหัวอินเตอร์เฟสของรถ Mitsubishi
แต่เมื่อนำรถมิตซูเข้ามา แล้วลองไปเปิดกล่องใบใหญ่ ไล่หาหัวอินเตอร์เฟส
ของรถมิตซูบิชิ

   โรงงาน/โรงซ่อม มีเครื่องสแกนยี่ห้อ Carman Scan รุ่น Lite

  ผลปรากฏว่า ในกล่องไม่มีตำแหน่งของหัวอินเตอร์เฟสของรถ Mitsubishi เลย
แอดมีคำถามอยู่ในใจ และอยากถามเพื่อนสมาชิกว่า

    หัวเชื่อมต่อ OBD-I ของรถมิตซูบิชิ เป็นแบบใด ?

[Auto Man]

   เลยให้ลูกศิษย์มุดไปดูภายใต้คอนโซลด้านหน้าฝั่งคนขับ ว่ารถรุ่น CB2A
มีหัวอินเตอร์เฟสแบบใด

   ก็ไปเจอหัวปลั๊ก OBD-II แบบนี้อยู่ ประมาณเข่าขวาคนขับ (ใต้คอนโซล)

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ

[Auto Man]

  ลองไล่ขาที่ปลั๊ก OBD-II มีขาที่ใช้อยู่จำนวน 5 ขาคือ

ขา   1
ขา   4
ขา   5
ขา   7
ขา 16

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ

[Auto Man]

   ลองใช้เครื่องสแกนที่มีอยู่ จำนวน 3 ตัว เข้าสแกนรถคันนี้
ปรากฏว่าเข้าสแกนไม่ได้เลยทั้ง 3 เครื่อง รวมราคาเครื่องสแกน
เกือบสองแสนบาท 5 5 5 เข้ารถคันนี้ไม่ได้

    มีเครื่องสแกนยี่ห้อ/รุ่นอะไรบ้าง ที่นำมาใช้กับ E-Car

1. Canman Scan รุ่น Lite
2. Launch X431 รุ่น 5C
3. MaxiScan รุ่น MS509

[Auto Man]

    เมื่อเครื่องสแกนเข้าสแกนไม่ได้ เราก็ต้องไปไล่วงจร/วายริ่ง ในส่วนของ
สายสำหรับการสื่อสารกับภายนอก หรือเรียกว่าปลั๊ก OBD-I หรืออาจเป็นแบบ
OBD-II

    ในรถคันนี้เป็นปลั๊ก OBD-II แบบ 16 พิน ดูจากวายริ่งด้านล่าง

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ


  หมายเหตุ

     ท่านใดต้องการได้วายริ่งของรถรุ่นนี้ รวมถึงคู่มือซ่อมรถรุ่นนี้ด้วย
สมัครวีไอพีปีที่  9  และจะได้คู่มือซ่อมและวายริ่งรุ่นนี้ ไปใช้งานกันครับ
เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่...

[Auto Man]

   จากภาพด้านบนยกมาแจกแจงอีกครั้งหนึ่ง

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ


    ดูจากวายริ่งในส่วนของสายที่จะไปยัง Diagnosis Connector
จะมีเพียง 3 สาย ที่ไปเข้าปลั๊ก OBD-II คือ

พินที่ 1 สายเขียวอ่อน/ขาว สำหรับการวิเคราะห์ปัญหาเรื่องเกียร์ กับปัญหาของเบรกเอบีเอส
พินที่ 7 สายสีเขียว น่าจะเป็นสายสำหรับการวิเคราะห์ปัญหาเครื่องยนต์
พินที่ 4 สายดำ เป็นกราวด์ของตัวปลั๊ก

[Auto Man]

   เมื่อเครื่องสแกนไม่สามารถเข้าถึงหรือเชื่อมต่อกับอีซียูของตัวรถได้
ในลำดับต่อไป เราก็ต้องใช้วิธีการแบบลูกทุ่งๆ หน่อยในสมัยที่ยังไม่มี
เครื่องสแกนกัน

    ด้วยวิธีการจั๊ม หรือเรียกว่า วิธีช๊อตขั้วอ่านโค้ด

    คำถามก็คือเราจะช๊อตขั้วไหนกับขั้วไหน

    คำตอบที่แน่นอนอยู่แล้ว ว่าขั้วหนึ่งในสองขั้วที่ว่าก็คือ กราวด์นั่นเอง

    ส่วนขาอีกด้านหนึ่งล่ะ จะต่อไปที่ใด

    เมื่อเราไม่มั่นใจ ก็ต้องหาตัวช่วยหรือว่าผู้ช่วยของเรา ในที่นี้เราจะใช้

แอปที่มีชื่อว่า Car OBD1 Tutorial กัน

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ

[Auto Man]

   ท่านใดยังไม่มีแอปนี้ใช้งาน ก็สามารถคลิ๊กที่ภาพด้านบนได้เลย

   ส่วนการใช้งานก็ประมาณดังภาพด้านล่างนี้ คือ

1. เลือกโลโก้รถที่เราต้องการ
2. จิ้มเลือกลักษณะของปลั๊กเช็คโค้ดที่รถเรามีอยู่
3. ดูว่าจั้มขั้วไหนมั่ง อย่างในภาพเป็นรถ ISUZU แล้วดูปีของรถให้ดีนะครับ

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ

[Auto Man]

    เมื่อติดตั้งแอปเข้าไปแล้ว (บางท่านอาจติดตั้งไม่ได้ เนื่องจากแอปไม่รองรับ
โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ )

     จิ๊มที่โลโก้ Mitsubishi ดังภาพ จะได้หน้าตาแสดงปลั๊กเช็คโค้ดขึ้นมา

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ

[Auto Man]

  เมื่อจิ้มเลือกปลั๊ก OBD-II จะได้หน้าจอแสดงการจั้มเพื่ออ่านโค้ด

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ

[Auto Man]

    จากการจั้มอ่านโค้ดด้วยการจั้มขา 1 กับ ขา 4 แล้วเปิดสวิทช์กุญแจ ON
ปรากฏว่าไฟเช็คเอนจิ้นติดและดับลง ไม่กระพริบแต่อย่างใด

    อ้าว... เครื่องสแกนก็เข้าไม่ถึง  จั้มแล้วก็ไม่กระพริบ งั้นหรือ

หมายเหตุ การที่เปิดสวิทช์ออนแล้ว ไฟเช็คเอนจิ้นติดและดับลง
มันหมายถึงอะไร ?

   หมายถึง เป็นการเช็คหลอดไฟเช็คเอนจิ้น เพื่อให้รู้ว่าหลอดไฟนี้ยังติดสว่าง
ได้ปกติ ถ้าเปิดสวิทช์ออนแล้ว หลอดไม่ติด แสดงว่าหลอดไฟนี้หรือวงจรนี้
เกิดความบกพร่องขึ้น

      ซึ่งถ้าไม่กำหนดให้มีการทำงานแบบนี้ เมื่อหลอดไฟเช็ค...ขาด หลอดไฟ
เช็คเอนจิ้น จะไม่มีโอกาสติดขึ้นมาเลย ถึงแม้ว่าระบบควบคุมเครื่องยนต์จะมีปัญหา
เกิดขึ้นก็ตาม

      คงจะพอเข้าใจแล้วมั๊งครับ

[Auto Man]

    แล้วจะอ่านโค้ด หรือจะค้นหาปัญหา ได้อย่างไร

    เลยกลับไปย้อนถามเจ้าของรถ เจ้าของก็ยืนยันว่า เวลาที่รถวิ่งไปแล้ว
มีไฟเช็คเอนจิ้นติดขึ้นมา รถจะมีอาการตื้อๆ วิ่งไม่ค่อยออก....

    ในใจแอดก็เล็งไว้แล้วล่ะ ลักษณะของรถเกิดอาการตื้อๆนี้ว่า
ปัญหาเกิดจากอะไร เพราะเคยเจอมาเยอะ

[Auto Man]

   แอดยังไม่ยอมแพ้ เลยลงทุกคุกเข่า โค้งตัวมุดไปใต้่คอนโซลฝั่งคนขับ
พร้อมกับใช้ไฟฉายส่องไปทั่ว ค่อยๆ ดูว่านอกจากปลั๊กตัวนี้ มันมีปลั๊กอะไร
อีกหรือเปล่า

   ทันใดนั้นเอง...

   สายตาก็เหลือบไปเห็นปลั๊กตัวหนึ่ง....ทำไมดูว่างๆ ไม่มีปลั๊กอีกตัวมาเสียบ

   แอดเองก็บอกก่อนเลยว่า ยังไม่เคยได้สัมผัสมิตซูฯ แลนเซอร์สักรุ่นเดียว 5 5 5

   ก็เลยไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับรถแลนเซอร์

    แต่.... จำได้ว่าสมัยเรียนอยู่ ปวช. 2 เมื่อปี 2523 5 5 5 (ย้อนเวลาไปเยอะ)
เคยขับรถแลนเซอร์คันหนึ่ง คันเพรียวๆ ไม่รู้รถปีอะไรล่ะ

   สมัยนั้นคงไม่ต้องพูดถึงปลั๊กสื่อสารในรถกัน

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ

[Auto Man]

   เลยกลับไปเปิดในแอป Car OBD1 Tutorial อีกรอบ ลองนับพิน
ได้ 12 พินเท่ากันเลย ดังภาพล่างนี้

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ