สาขาวิชาเครื่องกล วิทยาลัยเทคนิคนครพนม => ตรอ. รุ่นที่ 2 (2558) => หลักสูตรระยะสั้นตรอ. => การเรียนการสอน => 1101-5206 ส่งกำลังรถยนต์ => ข้อความที่เริ่มโดย: Auto Man ที่ 13 ตุลาคม 2559, 11:58:26
-
ระบบเบรก
แบ่งออกได้เป็น
1. ดรัมเบรก
2. ดิสก์เบรก
- แบบธรรมดา
- ABS (Anty Lock Brake System)
- EBD (Electronic Brake-Force Distribution)
- BA (Brake Assist)
- TCS (Traction Control System)
- ESC (Electronic Stability Control)
- ระบบเบรค ABS ในรถจักรยานยนต์ Honda
- ส่วนประกอบขอ'ระบบเบรก ABS
ABS, TRC, VSC
-
บันทึกหลังการสอน
ช่วงเช้า เป็นภาคทฤษฎี ประมาณ 11.30 น. ลงไล่วงจรทางน้ำมันเบรคในรถ Civie Dimention หัวตัด
- การสังเกตุ หลอดไฟเตือน ABS
- ตำแหน่งปลั๊ก OBD II
- ไล่ฟิวส์ระบบเบรก ABS
ช่วงบ่าย ทฤษฎีนิดหน่อย เสริมระบบเบรค ABS
- EBD,BA,TCS ,ESC
- แนะนำโปรแกรมยานยนต์พื้นฐานอีซูซุ
- แนะนำโปรแกรมไฟฟ้าของอีซูซุ
- เปิดแมนวล ระบบเบรคอีซูซุออลนิว
- เปิดแมนวล Civic Repair Manual - Dimention
- ลงปฏิบัติ
- ถอดล้อ (เบอร์ 19,21)
- ถอดดูเซนเซอร์ความเร้วล้อหน้าซ้าย (ตัวทีเบอร์ 10)
-
การทำแอคทีฟเทส ในระบบ ABS
ก็อย่างที่เราเข้าใจ ทฤษฎี ABS ของรถซีบีอาร์ 250 R
- ในวงจรน้ำมันของเบรคหน้า ออกจากแม่ปั๊ม น้ำมันเบรคจะไหลผ่าน วาล์วทางเข้า ซึ่งปกติจะเปิด (NO) ให้น้ำมันเบรคไหลไปยังคาลิเปอร์เบรค
ส่วนวาล์วทางออก ปกติจะปิด (NC) กั้นไม่ให้น้ำมันไหลออกไปที่ห้องเก็บน้ำมันเบรคสำรอง
สรุป
- ในแต่ละล้อของรถ จะใช้วาล์วอยู่ 2 ตัว คือ
- วาล์วทางเข้า 1 ตัว
- วาล์วทางออก 1 ตัว
ดังนั้น หากเราต้องการทดสอบการทำงานของโซลินอยด์วาล์ว น่าจะสามารถทำได้ดังนี้
1. ให้เราทำการแอคทีฟเทส โดยสั่งให้วาล์วทางเข้าปิด
2. จากนั้นทดลองเหยี่ยบเบรคค้างไว้
3. ทดสอบหมุนล้อ (ต้องยกล้อลอยจากพื้น) ล้อนั้น น่าจะหมุนได้ เพราะเราสั่งปิดทางน้ำมัน น้ำมันเบรก จะไปไม่ถึงล้อ
และการทดสอบวาล์วทางออก ก็สามารถทดสอบได้ในลักษณะเดียวกัน
ถ้าไม่เป็นไปตามนี้ แสดงว่ามีปัญหาที่ตัวโซลินอยด์วาล์วตัวนั้น
-
มีลูกศิษย์คนหนึ่งชวนคุย เรื่องรถรุ่นใหม่ที่ใช้ลักษณะ เปิดปุ่ม Start/Stop
การที่จะสตาร์ทได้ อย่าลืมเหยียบเบรคด้วย ไม่งั้นจะไม่ทำงาน
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/59563196)
มีคำถามที่ถามกันในเว็บแหน่งหนึ่ง เรื่องนี้ละ ลองอ่านดู
- ปุ่ม push start กดแบบไหนถูกต้องคะ
คือ เพิ่งเคยใช้รถที่มีปุ่ม push start ก็เหยียบเบรคล่ะกดทีเดียวเพื่อสตาร์ทรถเลย
ก็ทำแบบนั้นมาตลอด แต่ตอนหลังๆเห็นเค้ามาแชร์กันเรื่องวิธีกดปุ่มที่ถูดต้องคือกด 3 ครั้ง
เค้าว่าหลักการเดียวกับการบิดกุญแจ อยากรู้ว่า กดเเบบไหนถูกต้องคะ แล้วแต่ละแบบส่งผลเสียอะไรต่อรถไหมคะ
อันนี้คือวิธีกดที่เค้าแชร์กันมาให้ดูค่ะ
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/54574508)
- อยู่ที่ว่าจะติดเครื่อง หรือแค่เปิดสวิทย์ใช้งานเครื่องไฟฟ้าในรถ เช่นแค่จะเปิดวิทยุ หรือปรับลดเปิดปิดกระจกไฟฟ้า เวลาจอดเฉยๆ ถ้าสตาร์ท ก็เหยียบเบรคแล้วกดปุ่มเพื่อสตาร์ท เวลาสตาร์ทแล้วไฟฟ้าเปิดทั้งหมดอยู่แล้วงัย(สรุปการสตาร์ท กดครั้งเดียวพร้อมเหยียบเบรค แค่นั้นจบ)
- เหยียบเบรคแล้วกดเลยก็ได้
แต่ผมมักกดใน step ที่สอง
ถ้าเหยียบเบรคกดเลย มันจะรวบรัดไป
กดครั้งหนึ่งก่อน ให้รถมันพร้อมทำงาน (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย)
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/59563197)
- กด 3 ที
หลักๆคือ เช็ค acc ไฟสีเขียว เช็คระบบ ว่าเซ็นเซอร์ ไฟมันจะขึ้นที่ไฟบนหน้าปัด และข้อดี อีกอย่างคือ ถ้าใครลืมปิด อะไร จะได้ปิดอันนั้นก่อนเช่น วิทยุ แอร์ เพราะการสตาร์ท ไฟมันจะกระชากซักหน่อย เพื่อถนอม อุปกรณ์อื่นๆ ภายในรถคุณด้วยครับ
- ถ้าสตาร์ทเพื่อที่จะขับก็กดทีเดียวพร้อมเหยียบเบรค ถ้าตัองการแค่ฟังเพลง(จอดรอ) ปรับกระจก ก็กดแค่2ครั้ง(โดยไม่ต้องเหยียบเบรค)
- กดครั้งเดียวสตาร์รถเลยครับ ใช้มาปีกว่าแล้วครับ ส่วนการกดครั้งที่ 1 และ 2 นั้น ใช้ได้ตอนดับเครื่องแล้ว แต่นั่งในรถรอเพื่อน ฟังเพลงไป ดูวีดีโอครับ แต่ผมไม่ทำครับ เพราะมันกินแบตครับ
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/59563198)
-
* * * Push Start ดียังไง * * *
ดูดี ดูทันสมัย สะดวกไม่ต้องเสียบกุญแจ บางยี่ห้อเห็นเหมือนต้องเสียบกุญแจก่อน (คิดเอง)
จะบอบบางหรือเปล่า เสียทีไม่ซ่อมกันแพงเลยรึ?
จริงๆแล้วมันมีข้อดี ข้อเสีย ยังไงบ้างครับ
ความคิดเห็นที่ 1
สะดวกที่ 1 เวลามืดๆ ไม่ต้องมาขลำ หาที่เสียบกุญแจ มีไฟพร้อมปุ่มกด (พม่าที่ชอบส่องไฟรูกุญแจเงิบหลายคนละ)
สะดวกที่ 2 ปุ่มกด กดทีเดียวมัน start ให้เองจนติด ไม่ต้องมาคิดว่าต้องบิดกุญแจกลับตอนไหน (บิดกลับเร็วไปไม่ติด บิดนานไปดังครืดคราดน่ากลัว)
สะดวกที่ 3 มันมาพร้อม keyless entry เวลาขนของมาเต็มมือ ไม่ต้องมัวหากุญแจอยู่ กดข้างรถเข้ารถได้เลย
และ safe ไปกว่านั้นคือบางคัน สามารถกดได้ 2 จังหวะเปิดเฉพาะบานที่กดได้ด้วย ปลอดภัยกว่ากด remote แล้วเปิดทุกบาน
กุญแจรีโมตของระบบนี้ จะดูมีราคาถึงจะเป็นรถ eco car ก็ตาม
short ที่กดข้างประตูรถแล้วเข้าไปนั่งมันรู้สึกเทห์เหมือนเหมือนขับรถคันเป็นล้าน 555
ความคิดเห็นที่ 2
- ช่วยยืดอายุการใช้งานของ ไดร์สตาร์ท
ความคิดเห็นที่ 3
สะดวกครับ เป็นข้อดีมากๆข้อนึง ถ้าผู้ผลิตให้มาเต็มระบบ จะเพิ่มความปลอดภัยมาอีกขั้นนึง ผมว่า เป็นความปลอดภัยแบบ ปลอดภัยมากๆ เราแค่พกตัวกุญแจรีโมทติดตัวไว้ พอเราเดินลงจากรถ ห่างไปเกินระยะที่กำหนด ( ประมาณ 2-3 เมตร ) รถจะล็อกเองอัตโนมัติ
ตอนเดินกลับมา รถจะรู้ทันทีว่า คนที่พกกุญแจมา ใช่เจ้าของรถหรือไม่ และ จะปลดล็อกเฉพาะประตูที่เราต้องการเปิด ยืนตรงประตูไหน ปลดล็อกประตูนั้น หรือ ปลดล็อกประตูเมื่อสอดมือเข้าที่จับประตู ฯลฯ
และ ระบบนี้ ตัวกุญแจไม่จำเป็นต้องมีแบตต์ครับ ใช้ระบบ RFID เหมือน Easy Pass เหมือนบัตร Prox ฯลฯ
ความคิดเห็นที่ 4
มันเท่อะครับ รถราคาไม่ถึง 5แสน มีpush start กดที่ประตู1จึ๊ก เปิดได้เฉพาะฝั่งเรา
กด2 จึ๊ก รอบคัน เข้าไปนั้งเหยียบคลัส กดstart ได้เลยไม่ต้ัองเสียเวลาเสียบ 3จังหวะ
ไม่ต้องเสี่ยง รอบรูกุญแจเป็นรอยขนแมว เพราะเสียบพลาดด้วย
สรุปเท่ๆๆ