ข่าวประชาสัมพันธ์

มาร่วมเป็นกำลังใจให้เว็บด้วยการสมัครสมาชิกวีไอพี ~~ เลือกปีที่ท่านต้องการได้โดยไม่ต้องเรียงปี ~~ ปีละ 350 บาท สมัคร 2 ปีลดเหลือ 600 บาท ~~ มีไลน์กลุ่ม VIP จำนวนหลายร้อยท่าน เอาไว้ปรึกษางานซ่อม ~~ เข้าถึงข้อมูลด้านเทคนิค ข้อมูลเชิงลึกมากมาย.....


ผู้เขียน หัวข้อ: การตรวจเช็คดี/เสีย และการทำงานของ Oxygen Sensor (O2) [สุดยอด][ยอดเยี่ยม]  (อ่าน 18231 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
   อะไรคือ O2 Sensor หรือบางคนอาจจะเรียกว่า Lambda Sensor 

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ


   O2 หรือ Oxygen (ออกซิเจน) เป็นธาตุเคมีในตารางธาตุที่มีสัญลักษณ์ O2 และมักเรียกว่า free oxygen

   O2 Sensor คือตัววัดค่าของออกซิเจนในไอเสียที่ท่อไอเสีย เพื่อใช้ในการตรวจสอบว่าการเผาไหม้นั้นสมบูรณ์หรือไม่
และจะทำการ feed back ค่ากลับไปยัง ECU เพื่อเพิ่ม-ลดการจ่ายน้ำมัน

อ้างถึง
มาดูคำที่จะมาเกี่ยวข้องก่อนนะครับ จะได้เข้าใจความหมายแต่ละคำกันก่อน ;)

- A/F หรือ AFR ก็มาจากคำว่า Air Fuel Ratio คืออัตราส่วนผสมระหว่างอากาศและเชื้อเพลิง
ซึ่งสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำให้การสันดาปหรือการระเบิดในกระบอกสูบนั้นสมบูรณ์ที่สุดคือ คือ 14.7: 1
นั่นคือมวลอากาศ 14.7 กรัม ต่อมวลน้ำมัน 1 กรัม
- Stoich คือคำที่ใช้เรียกค่า A/F ที่เท่ากับ 14.7 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่พอเหมาะ
- Lean ถ้าค่า A/F มากกว่า 14.7 มาก จะเรียกว่า Lean หรือน้ำมันน้อย(ส่วนผสมบาง)ไป
- Rich ถ้าค่า A/F น้อยกว่า 14.7 มาก จะเรียกว่า Rich หรือน้ำมันมาก(ส่วนผสมหนา)ไป
- Lambda ก็เป็นการแสดงค่า Air Fuel Ratio อีกรูปแบบหนึ่งครับ โดยค่า Lambda จะหาได้จากสูตร

Lambda = AFR / Stoich(14.7) ซึ่งถ้า ค่า AFR = 14.7 ก็จะได้ค่า Lambda =1 โดยที่
ค่า Lambda นี้หมายถึงการสันดาปสมบูรณ์ที่สุด

แต่ถ้า Lambda น้อยกว่า 1 ก็จะเป็น Rich และถ้า Lambda มากกว่า 1 ก็จะเป็น Lean
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 ธันวาคม 2563, 07:19:26 โดย Auto Man »
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
อ้างถึง
การบำรุงรักษา O2 Sensor
ข้อมูลในส่วนตรงนี้มันค่อนข้างจะไม่แน่นอนครับ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ, รุ่นของ sensor และตามการใช้งานครับ ผมขออ้างอิงตามของ Bosch แล้วกันครับ โดย O2 sensor ควรตรวจสอบทุกๆ 30,000 กม. และควรเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด

อ้างถึง
ระยะการใช้งานตามประเภทเซ็นเซอร์
- Unheated: ทุกๆ 50,000 กม. / ทุกๆ 80,000 กม.
- Heated 1st generation: ทุกๆ 100,000 กม.
- Heated 2nd generation: ทุกๆ 160,000 กม
- Planar sensors: ทุกๆ 160,000 กม.

การตรวจเช็ค ดี-เสีย ของ O2 Sensor
บางคน(รวมถึงผมด้วย) อาจจะสงสัยว่า O2 sensor ที่ใช้อยู่ตอนนี้ดีหรือเพี้ยนหรือว่าเสียไปเลย

อ้างถึง
O2 sensor ตัวนี้ที่หลายๆคน(ผมด้วยอีกแล้ว)มองข้ามมันไป มันมีผลต่อเครื่องยนต์มากต่อการจ่ายน้ำมัน ถ้าเกิดว่าตัวนี้เกิดอาการเพี้ยนหรือเสียแล้ว ก็จะไม่สามารถเช็คได้ว่า A/F เหมาะสมหรือไม่
การเกิดการเสียหรือเพี้ยน อาการที่พบส่วนใหญ่ก็คือ"รถกินน้ำมันมากขึ้นและกำลังเครื่องตก" เนื่องจากสัญญาณที่ได้จาก O2 sensor จะบอกว่ามีออกซิเจนที่หลงเหลือจากการเผาไหม้มาก ทำให้กล่องมีการสั่งให้ฉีดน้ำมันเพิ่มมากขึ้นและมันจะค่อยๆมากขึ้น
เรื่อยๆ ก็จะทำให้การเผาไหม้น้ำมันไม่หมดออกที่ทางท่อไอเสีย ก็จะทำให้เราได้กลิ่นน้ำมันครับ (ตรงนี้ล่ะครับที่เป็นสิ่งที่บอกเราได้บ้างว่าการเผาไหม้ไม่หมดจด เนื่องจากน้ำมันหนามาก) อื้ม !! และทำให้แคตฯ อายุสั้นด้วยครับ

อ้างถึง
กลับเข้าเรื่องอีกทีครับ มาดูกันเลยกับ 3 อาการ

- ดี อันนี้ก็ไม่ต้องพูดมากครับ ถ้าเบิกมาใหม่ๆ ใส่แล้วไฟ engine ไม่โชว์, ไม่มีกลิ่นน้ำมันออกท่อไอเสีย, เครื่องทำงานปกติ เป็นแบบนี้ก็ถือว่าดีไว้ก่อน

- เสีย อันนี้ก็แน่นอนครับ เพราะส่วนใหญ่ไฟ engine จะโชว์ โดยการตรวจสอบของกล่อง ECU จะมีการตรวจสอบแบบง่ายๆ คือ ขาด - ช็อต - หลุด range

- เพี้ยน นี่ล่ะครับตัวปัญหาเลย ถ้าไฟ engine ขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้างก็แสดงว่ามันเริ่มจะหลุด range แล้ว สาเหตุก็อาจจะมาจากคราบสกปรกที่เกาะอยู่ที่หัว O2 sensor หรือ O2 sensor จะสิ้นอายุขัยแล้วครับ (ได้เวลาเสียเงินอีกแล้ว)
หมายเหตุ : "หลุด range" เนื่องจาก O2 sensor ที่ใช้เป็นแบบ narrow band จะให้เส้นกราฟที่ชันในช่วง Stoich (A/F=14.7) หากวัด A/F ได้น้อยกว่า 14 มากๆ ก็จะถือว่าช็อต แต่ถ้าวัด A/F ได้มากกว่า 15 มากๆ ก็จะถือว่าขาดครับ (งงกันมั้ย)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 เมษายน 2560, 07:58:56 โดย Auto Man »
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
ที่นี้มาเริ่มการตรวจเช็คกันเลยครับ
มาดู Schematic (วงจรเสมือน) ของ O2 Sensor กันก่อนครับ ภายในจะมีฮีทเตอร์อยู่ด้วยโดย O2 Sensor
จะทำงานอยู่ในช่วงอุณหภูมิ ประมาณ 230-320 องศาเซลเซียส และจะให้แรงดันออกมาทางขา sensor
ซึ่งแรงดันที่ออกมาจะอยู่ในช่วง 0 ถึง 1 โวลท์ (โวลท์ เป็นหน่วยวัดแรงดันไฟฟ้า)

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ

          ภาพสัญญลักษณ์ของตัว O2 Sensor


ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ

ตัวจริงๆ ของ O2 Sensor และปลั๊กไฟ/ขั้วต่างๆ รวมถึงกราฟแสดงแรงดันไฟฟ้า ณ ส่วนผสมต่างๆ


ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ


ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ


อ้างถึง
วัดกันจริงๆ แล้วล่ะ เอาแบบง่ายๆ บ้านๆ แล้วกันครับ
เครื่องมือและอุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมาก ก็มี มัลติมิเตอร์ (วัดโอห์ม+วัดโวลล์), แหล่งจ่ายไฟ 12 โวลล์ (แบตฯก็ได้), ไฟแช็ค และก็ HO2 sensor ที่ต้องการวัด จะเริ่มจากข้อ 1 ก่อน ถ้าพบว่าเสีย ข้อ 2 ไม่จำเป็นต้องทำให้เสียเวลา

1. วัด Heater ก่อนครับว่าขาดหรือไม่ โดยค่าความต้านทานจะอยู่ประมาณ 2-5 โอห์มครับ หากวัดแล้วค่าเป็น infinity หรือสูงมากๆ ก็แสดงว่า heater ขาดครับ แต่ถ้าน้อยเป็น 0 โอห์มก็ช๊อตล่ะครับ

2. วัดค่า output ของ sensor ครับ โดยการจ่ายไฟ 12 โวลล์เข้าขั้ว heater เพื่อให้ O2 sensor ทำงาน จากนั้นก็วัดแรงดันที่ออกมาจากขั้วเซนเซอร์ (+,-) แรงดันที่ออกมาจะอยูในช่วงประมาณ 0.2-0.8 โวลล์ ขึ้นอยู่กับปริมาณของออกซิเจนโดยรอบหัวเซนเซอร์ครับ
 - โดยถ้าหาก  ออกซิเจนน้อย แรงดันที่ออกมาจะมาก
 - แต่ถ้าหาก  ออกซิเจนมาก แรงดันที่ออกมาจะน้อย (แปรผกผันกันครับ)

3. เผามันเลย !! ครับ เอาแบบนี้เลย ทำต่อจากข้อ 2. ครับ โดยจุดไฟแช็คให้เปลวไฟอยู่ที่หัวเซนเซอร์ แล้วลองเอาเข้า-ออก ค่าแรงดันก็จะสวิงตามครับ เมื่อเปลวไฟอยู่ที่หัวเซนเซอร์ค่าแรงดันที่ออกมาจะสูงกว่าเนื่องจากภายในเปลวไฟจะไม่มีออกซิเจนอยู่ครับ

เอามาจากเว็บเพื่อนบ้านเรา

ความรู้เรื่อง ออกซิเจนเซนเซอร์ ครับ

http://www.thaiagclub.com/home/index.php?topic=1183.0

**เครดิต บทความจาก EK Group /Rcweb.netครับ

 :-X
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 เมษายน 2560, 08:04:54 โดย Auto Man »
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai


ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
อื่ม......ถ้า O2 Sensor เสีย ECU ของเราจะสั่งจ่ายน้ำมันเต็มที่ครับ(เพื่อป้องกันเครื่องยนต์พัง) เลยอาจส่งผลให้เปลืองน้ำมันได้ครับ

O2 Sensor เสีย ต้องดูครับว่าเสียแบบใหน

1. ฮีดเตอร์ ขาด
2. ผิวตรวจจับ เสื่อมหรือเสีย (เวลาวิ่ง ไฟรูปเครื่องยนต์โชว์)

                          ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ


อ้างถึง
ถ้า 1 โยนทิ้งครับ ของใหม่ ของ Kia 3,6XX ครับของเทียบมีตั้งแต่ 1000 ขึ้นไปครับ

ถ้า 2. ผมมีวิธีให้เล่นกันครับ ถอด O2 Sensor ออกมาครับ แล้วทำความสะอาดเบื้องต้น ด้วยอะไรก็ได้ครับที่ล้างคราบน้ำมันออกได้ เช่น ผงซักฟอก หรือ ทินเนอร์ไปเลย แล้วทำให้แห้งสนิท (อาจตากแดดไว้) พอแห้งสนิทแล้ว หา วิกซอล มาครับ เอามาเทใส่ภาชนะพอท่วมหัววัด(เฉพาะส่วนที่อยู่ในท่อไอเสียถึงเกรียว)ในแนวตั้งหรือเอียงนิดหน่อยก็ได้ครับ ทิ้งไว้ซัก 20 นาที แล้วเอาขึ้นมาล้างด้วยน้ำสะอาดครับ เยอะ ๆ นะครับ ล้างจนมั่นใจว่าวิกซอล ออกหมด แล้ว ยัดเข้าที่เดิม ครับ เสร็จ แล้ว ลองวิ่งดูครับ
 

วิธีนี้ผมทำกับรถผมมาแล้วครับ ตอนแรกไฟ Engie ขึ้นที่ความเร็ว 130 พอนานวัน มันขึ้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนมาขึ้นที่ 80 ผมหาซื้ออยู่พักนึงแล้วสู้ราคาไม่ใหว เลยมาทำวงจรหลอก O2 Sensor แบบปรับได้ใช้อยู่ ระหว่างที่หาข้อมูลอยู่ผมไปอ่านข้อมูลของ O2 Sensor ในเบื้องลึก จึงพบว่า ตัวเซ็นเซอน์ที่อยู่ข้างในมันเป็น เซรามิค ส่วนโลหะที่ครอบอยู่ด้านนอกมันครอบกันสิ่งสกปกไว้เฉย ๆ ประกอบกับเพิ่งล้างห้องน้ำมาเลย ลองล้างดูตามวิธีข้างต้น ผลที่ได้คือ ไม่เสียตังค์ครับ ใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ ไม่มีขึ้นไฟ Engie ขึ้นให้เห็นอีกเลย และ ตอนที่ผมลองปรับหัวฉีดแล้วน้ำมันเข้าเครื่องไม่พอ แล้วมันสะอึก ๆ จะดับ ไฟ Engie ก็ขึ้น ซึ่งมันก็ควรจะขึ้นอยู่แล้ว สรุปว่าใช้ได้ปกติครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 เมษายน 2560, 08:08:08 โดย Auto Man »
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
อื่ม..........เอาคร่าว ๆ นะครับ
O2 Sensor คือตัววัดค่าของออกซิเจนในไอเสียที่ท่อไอเสีย เพื่อใช้ในการตรวจสอบว่าการเผาไหม้นั้นสมบูรณ์หรือไม่
และจะทำการ ส่ง ค่ากลับไปยัง ECU เพื่อเพิ่ม-ลดการจ่ายน้ำมัน ซึ่งสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุดที่ในการระเบิด
ในกระบอกนั้นสมบูรณ์ที่สุดคือ คือ 14.7: 1 นั่นคือมวลอากาศ 14.7 กรัม ต่อมวลน้ำมัน 1 กรัม

O2 เป็นตัววัดและแสดงผลเป็นสัญญานไฟฟ้า

มันจะผลิต 0.5 V. เมื่อการเผาไหม้สมบูรณ์

ต่ำกว่า 0.5 V. เมื่อมีอากาศมาก

สูงกว่า 0.5 V. เมื่อมีเชื้อเพลิงมาก


ที่ผมกลัวก็คือ บางท่านอาจไม่เข้าใจและนำไปใช้ผิดวิธี ครับ   เพราะมันจะทำให้เครื่องยนต์ท่านพังได้อย่างง่ายดายครับ

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 ตุลาคม 2559, 07:21:06 โดย Auto Man »
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
อ้างถึง
คันที่ใช้อยู่ ช่วงเดินเบา ไฟ Engine ติดบ้างไม่ติดบ้าง (ใช้แก๊ส)
ด้วยความสงสัย จึงทำการมุดเข้าไต้ท้องรถเพื่อถอด O2 sensor มาดู
แล้วก็ได้พบว่า สายสัญญาณของเซ็นเซอร์ชำรุดสองเส้น หน้ากระเบื้องของเซ็นเซอร์เป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ คงไม่เป็นไร
จึงทำการพันสายไฟที่ชำรุดนี้ แล้วประกอบเข้าไปตามเดิม
ขับต่อไป

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 พฤษภาคม 2559, 09:26:18 โดย Auto Man »
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ได้รับความอนุเคราะห์ 1 pcs of used O2 sensor จาก Mr.Kia man (บ่แม่น Auto Man เด้อ)

เป็นเกลียวขัน M18 pitch 1.5 พอถอดของเราออกมาเพื่อจะเปลี่ยน อ้าว ของติดรถเราเป็นเกลียวขัน M26 pitch 1.5

จึงต้องทำ nipple bushing M26 x M18 (bolt pitch 1.5) จึงแจ้งมาเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับท่านอื่น ๆ ขอรับ

ตอนนี้ก็เหลือแค่ fault code no. 17 only one. ให้มีเวลาจะเปลี่ยนสายยางต่าง ๆ และทำเกลียวขันท่อร่วมไอดีตรงเขาควายใหม่ (ตอนนี้เกลียวเริ่มกลับบ้านเก่าแล้ว)

กราบขอบพระคุณ Mr.Kia man อย่างมากมายมา ณ ที่นี้ด้วย ขอรับ

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 พฤษภาคม 2559, 09:28:24 โดย Auto Man »
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
การแก้ไขที่ได้ผล

ลองไปหาที่เชียงกงบางพลี..เอามิเตอร์ไปวัดด้วย(วัดว่าฮีตเตอร์มันขาดหรือเปล่า ใช้เป็นแค่นั้น)

โทรสอบถาม Mr.Kia man ได้แนะนำว่า ฮอนด้า Audi A4 ,BMW ตระเวนหาทุกร้านบอกว่าของ KIA ทุกร้านส่ายหน้า.....เอาใหม่
เข้าร้านใหม่ถามว่า เอาแบบนี้ สามสาย ไม่สนปลั๊กเสียบ จะเอาแบบนี้ อย่าถามว่ารุ่นไหน...เกือบทุกร้าน เข้ามาก่อนสิ แล้วเลือกเอา
1.สามสาย สองสี ดำและขาว (เทียบเอา)
2. ของบอส (เทียบเอา)
3.เกลียวเหมือน(ข้อมูล พี่เกียแดง และ Mr.Kia man )
4.เขย่าไม่มีเสียง กลิ๊กๆ (เดาเอาว่าเป็นเซรามิคแตก ตามชายเล็กบอก)
5.ไม่บุบมาก(ข้อมูลพี่เกียแดง)
6.วัดด้วยโอมห์มิเตอร์ ขึ้นที่ประมาณ 7-8 (X1) สายขาวทั้งคู่(ข้อมูลจากในอากู๋) (เสริม -คู่สายฮีทเตอร์)
7.เอาตัวเลขข้างตัวมันใกล้ๆกันที่สุด (เพราะผมไม่รู้ความหมายของมัน)
8.เพิ่มเติม..สำคัญ...จะให้ดีต้องใช้กับเครื่อง 2000 จะดีมาก
-ร้านแรกที่เจอ ขายของพวก BMW ดีใจมาก รื้อไปรื้อมา วัดแล้วได้ประมาณ 3-4 ตัว ถามราคา....ตัวละพันถ้วน...... ไม่ลด..ถอยกรูด บอกว่าเดี๋ยวมาใหม่ครับ
-ร้านสอง เช่นกันขายพวกรถยุโรป..เข้าไป รื้อ..วัด..เจอตัวที่เหมือนกันเป๊ะ ตัวเลข ตัวหนังสือ...โอว..พระเจ้า...." เฮียครับ ตัวนี้เท่าไหร่ครับ" " พันสอง ไม่ต้องต่อ ไม่ลด ไม่เอาไม่เป็นไร....." ..ถอดกรูด...
-ร้านสาม ขายหลายๆอย่าง ชื่อจำไม่ได้ นามบัตรอยู่ที่บ้านครับ เอาออกมารื้อวัดดู โอว....ได้สามตัว..พี่ครับ ตัวนี้เท่าไหร่...แปดร้อย...(เยสสสสส)..ลดได้ไหมพี่ ผมเหนื่อยครับ...แล้วน้องจะเอากี่ตัว...ตัวเดียวครับมีตังค์มาแค่นั้นครับ....ได้มา เจ็ดร้อย...สอบถามว่าเป็นของ ....โอเปิล..

ข้อแม้ เอาไปตัดไม่รับคืน ไม่ตัดใช้ไม่ได้เปลี่ยนได้.....เอาก็เอา

จากนั้นก็มาจัดการกับการตัดต่อ...จากข้อมูลที่หาได้...ต้องระวังในการตัดต่อ(ยังไม่เจอวิธีการตัดต่อ เดี๋ยวจะเอามาลงให้ชมครับ) ..ใช้วิธีตัดสายเรา แล้วเสียบกับ สายที่ซื้อมาก่อน(ยังไม่ตัดที่ซื้อมา) สตาร์ทเครื่องให้เครื่องร้อน 4 ขีด (อาการรถดีเหมือนตอนซื้อมาตอนแรกๆเลย) เช็คโค๊ดไม่ขึ้นแล้ว....
ดับเครื่องแล้ว เอาออกมาทั้งที่ร้อนอยู่ แล้วต่อไหม่โดยใช้บัดกรีเลยเข้ากับปลั๊กเรา..(ทั้งที่ร้อนอยู่ ใส่ถุงมือด้วยนะครับ)
ทดลองวิ่ง 2 วัน..ปรูดปราดเหมือนเดิม ไม่ทานน้ำมันเหมือนก่อนหน้า...

เอาไว้เป็นข้อมูลครับ และ ขอบคุณ Mr.Kia man และพี่เกียแดงด้วยครับที่ให้ข้อมูลไว้ในเวปนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 ตุลาคม 2559, 07:26:23 โดย Auto Man »
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
  รู้สึกว่าโพสท์นี้จะได้รับความนิยม จากบรรดาผู้เยี่ยมชมทั้งหลาย ขอบคุณครับที่ติดตามชมเว็บ
www.auto-nkp.com เว็บนี้เรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นสื่อกลางในการนำเสนอความรู้ที่เป็นประโยชน์
อย่าลืมนะครับ... หากท่านมีประสบการณ์ดีๆ เหมือนเรื่อง O2 Sensor แต่เป็นเรื่องอื่นๆ ที่คิดว่า
น่าจะเกิดประโยชน์ กรุณาเสียสละเวลา สละประโยชน์ส่วนตน แล้วมานำเสนอผ่านเว็บนี้ครับ  แต่ว่า
ก่อนอื่นใด ลงทะเบียนเป็นสมาชิกเว็บก่อนครับ ถึงจะมีสิทธิ์มีเสียงในการตั้งกระทู้/ตอบกระทู้ครับ หรือ
แม้แต่การกดให้กำลังใจ การกดคำว่าขอบคุณ จะทำได้ต่อเมื่อเป็นสมาชิกครับ 

    ความดีอันจะมีเกิดขึ้นในการอ่านบทความนี้ ขอมอบให้เจ้าของบทความทุกท่าน ให้มีสุขภาพแข็งแรง
มีจิตใจดีโอบอ้อมอารี แล้วพบกันใหม่ในสาระดีๆต่อไปครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 ตุลาคม 2559, 07:28:36 โดย Auto Man »
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
   กลับมาอ่านกี่ครั้ง ๆ ก็ได้ประโยชน์
ขอบคุณเจ้าของบทความ

 ((   (\)
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออนไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37147
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
มาดูตัวออกซิเจนเซนเซอร์ ตัวที่ 2 ของรถฮอนด้า ซีอาร์-วี ปี 2003 (เจนเนอเรชั่นที่ 2)

ว่าเส้นสาย เค้ามีอะไรกันบ้าง ลองดูครับ

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ


สายไฟที่ออกมาจากตัวออกซิเจนเซนเซอร์  จะมีด้วยกัน  4  สาย คือ
คู่ที่ 1 คู่สีขาว  คู่นี้เป็นคู่ของตัวทำความร้อนให้กับออกซิเจนเซนเซอร์ (ปกติจะเป็นคู่ล่าง สายซ้ายมือเป็นขั้ว +)

คู่ที่ 2 คู่บน เป็นสัญญาณออก (Signal) สายซ้ายมือเป็นสายสีดำ (B=Black) เป็นสัญญาณ (+)
       สายด้านขวามือเป็นสายสีเทา (Gr=Gray) เป็นสัญญาณ (-)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 เมษายน 2560, 08:15:09 โดย Auto Man »
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai