ถ้าเป็นช่างรุ่นเก่า ก็จะบอกว่าเครื่องยนต์หัวฉีดเขามีใช้กันมใตั้งนานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์รถไถนาเดินตาม ยี่่ห้อคูโบต้า / ยันมาร์ หรือจะเป็นเครื่องยนต์รถปิกอับใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง เขาจะใช้หัวฉีดแบบกลไก (ล้วนๆ) ในการพ่นน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้ โดยอาศัยแรงดันจากปั๊ม แต่สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงกันต่อไปนี้ คือเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน เป็นเชื้อเพลิง แต่ใช้หัวฉีด (ไฟฟ้า) ฉีดพ่นเข้าปลายท่อร่วมไอดี โดยอาศัยแรงดันจากปั๊มส่งมารอที่หัวฉีด
คงจะไม่อธิบายย้อนไปถึงหลักการทำงานของเครื่องยนต์หรอกนะ เครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ปัจจุบันที่ผลิตออกขายในบ้านเราปัจจุบัน เป็นรถจักรยานยนต์หัวฉีดไฟฟ้า ควบคุมด้วยกล่องอิเล็กทรอนิกส์ กันหมดแล้ว และเครื่องยนต์ของรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นดีเซลหรือเบนซิน เป็นหัวฉีดไฟฟ้าเช่นกัน คงเหลือแต่รถไถไร่ไถนาแบบเดินตามที่คงเป็นเครื่องยนต์แบบเดิมๆ
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ หลักการทำงานเบื้องต้น
เครื่องยนต์หัวฉีดควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์
(ขออ้างอิงการทำงานกับเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่น เวฟ 125 ไอ PGM-Fi V.3 สตาร์ทไฟฟ้า)
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ เมื่อเปิดสวิทช์กุญแจ กล่องอีซียูของเครื่องยนต์จะสั่งให้ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงทำงาน 2 วินาที แล้วหยุด ขณะที่ปั๊มทำงานจะส่งน้ำมันเบนซินจากถัง ไปรอที่หัวฉีดด้วยแรงดันประมาณ 43 ปอนด์/ตารางนิ้ว เมื่อกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ จะมีสัญญาณความเร็วรอบซึ่งได้จากตัวตรวจจับตำแหน่งเพลาข้อเหวี่ยง ส่งเข้ากล่องอีซียู ทำให้อีซียูสั่งการฉีดและสั่งการจุดระเบิด ทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดได้
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ จากภาพด้านบน สามารถนำไปทดลองดูการฉีดของหัวฉีดว่าเป็นอย่างไรในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน โดยใช้จักรยานยนต์ 2 คัน คันที่หนึ่งไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแต่ต่อพ่วงไฟจากหัวฉีดคันที่หนึ่งมาเข้าหัวฉีดคันที่สอง โดยคันที่สอง ถอดยกเรือนลิ้นเร่งออกมาเพื่อที่จะได้เห็นละอองน้ำมันจากการฉีดได้ โดยทดลองเร่ง-เบา จะเห็นปริมาณน้ำมันที่ฉีดว่าเป็นอย่างไร (มาก-น้อย) ลองไปทำกันดู คือเราอาศัยสัญญาณไฟฟ้าสั่งมาที่หัวฉีดเท่านั้นเอง
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ วงจรปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง และวงจรไฟเลี้ยงหัวฉีด
จากภาพด้านบน มาทำความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง เพราะรถยนต์ก็ใช้วงจรเหมือนกัน ที่จริงน่าจะเรียกว่า รถจักรยานยนต์เหมือนของรถยนต์ เพราะหัวฉีดในจักรยานยนต์เกิดมาทีหลังรถยนต์ สาเหตุที่ทำไมไม่เอาวงจรของรถยนต์มาอธิบายเลย เพราะของรถยนต์มีความยุ่งยากซับซ้อนกว่า จะทำให้ยากต่อการทำความเข้าใจ แต่เมื่อเข้าใจดีแล้ว อย่าว่าแต่ของรถยนต์เลยครับ ของเครื่องบินเราก็สามารถไล่วงจรได้เหมือนกัน แบตเตอรี่ต่อขั้วลบ(จยย.ฮอนด้า ใช้สายสีเขียวแทน หมายถึงเป็นกราวด์หรือลงดิน) ขั้วบวก สายสีแดง วิ่งผ่านฟิวส์เมน 15 A. เข้าไปยังตัวเรกูเลเตอร์ (แผ่นชาร์จ) ออกแล้วไปผ่านสวิทช์กุญแจ เมื่อเราเปิดตำแหน่ง ON (เปิด) แรงดันไฟฟ้าจะวิ่งเข้ากล่องอีซีเอ็ม (ECM) ลงกราวด์ แค่นี้ ไฟเข้ากล่องและ เส้นกราวด์กล่อง กล่องก็พร้อมจะทำงานได้ล่ะ แต่อาจจะไม่สมบูรณ์เต็มร้อย ให้ท่านมองกล่องเป็นเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวหนึ่ง ซึ่งหากจะให้ทำงานจำเป็นต้องป้อนไฟให้กับมัน หรือเราเรียกว่า ไฟเลี้ยงกล่องนั่นเอง ถ้ามีแต่ไฟบวก ไม่มีไฟลบ(กราวด์) กล่องจะทำงานไม่ได้ มีแต่กราวด์ไฟบวกไม่มีมา กล่องก็ทำงานไม่ได้อีก สรุป คือมันต้องครบวงจรนั่นเอง เมื่อมีไฟเข้ากล่อง กล่องรับรู้แล้วจะสั่งให้ไฟที่มาเลี้ยงปั๊มซึ่งรออยู่แล้วลงกราวด์ผ่านอีซีเอ็ม ทำให้ปั๊มทำงาน (ขณะทำงานจะได้ยินเสียงปั๊มดังอี๊ด ๆ ๆ ๆ) ทำงานได้ 2 วินาที กล่องจะสั่งให้หยุดการทำงาน คือไม่ให้ไฟที่ผ่านปั๊มลงกราวด์แค่นั้นเอง วิธีการสังเกตว่าปั๊มหยุดทำงานหรือยัง สังเกตไฟเช็คเอนจิ้น จะติดแล้วดับพร้อมกับปั๊มครับ ดูต่อไปจะเห็นว่าไฟวิ่งผ่านหัวฉีดแล้วมาเข้ากล่อง รอกล่องสั่งลงกราวด์ หัวฉีดจึงจะทำงาน หากต้องการให้หัวฉีด ฉีดเล่นๆ ดู ท่านก็เอาไฟที่ออกจากหัวฉีดจี้ลงกรวด์หัวฉีดจะทำงาน ถ้ามีแรงดันน้ำมันหัวฉีดจะเปิดพ่นน้ำมันออกไป
สรุป เมื่อเปิดสวิทช์กุญแจ ไฟจะไปเลี้ยงปั๊มและหัวฉีด
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ ภาพวงจรไฟจุดระเบิดของรถจักรยานยนต์เวฟ 125 ไอ
จากภาพเมื่อเปิดสวิทช์กุญแจ นอกจากไฟไปเลี้ยงปั๊ม เลี้ยงหัวฉีด แล้วไฟยังมาเลี้ยงคอล์ยจุดระเบิดอีก แล้วไปรอลงกราวด์ที่กล่อง โดยกล่องจะเป็นคนสั่งการจุดระเบิด โดยรับสัญญาณมาจากตัวตรวจจับตำแหน่งเพลาข้อเหวี่ยง ตัวตรวจจับหรือคนไทยชอบเรียกกันว่า ตัวเซนเซอร์ เซนเซอร์ตัวจับตำแหน่งเพลาข้อเหวี่ยงถือว่าสำคัญที่สุดในบรรดาตัวเซนเซอร์ที่มี เพราะถ้าไม่ทำงานแล้ว รถจะไม่สามารถติดเครื่องได้เลย ส่วนตัวอื่นๆ นั้น ไม่มีก็ยังติดได้ (แต่อาจจะไม่สมบูรณ์)
มีประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง จะทำให้เข้าใจระบบหัวฉีดได้ดีขึ้น มีรถยนต์คันหนึ่ง ขี่ไปแล้วเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกัน แล้วเครื่องยนต์ดับ สตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ยอมติด ทั้งที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่มากนัก ลากรถเข้าอู่เช็คไฟหัวเทียนไม่มี เช็คหัวฉีดหัวฉีดก็ไม่ฉีด เอ๊า...กล่องคงพังละมั๊ง หากล่องอื่นที่ใช้ได้มาลองเสียบก็ไม่ทำงานอีก เอากล่องที่คิดว่าเสียไปเสียบคันอื่น สตาร์ทติดปกติ แล้วปัญหาอยู่ที่ไหนล่ะ อ้าวทิ้งปัญหาไว้ให้ขบคิดกัน คราวหน้าจะมาเฉลย ราตรีสวัสดิ์คร๊าบๆ