ต้องค้นหา หรือดูวงจรการทำงานกันหน่อย เพราะแต่ละรุ่นออกมา
มีแต่พัฒนาไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไม่เหมือนเดิมเลย เอ้าไปดูวงจรกันก่อน จะได้ซ่อม
ถึกจุด เอ๊ย ถูกจุด
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบต้องบอกก่อนว่า สตาร์ทเท้าติดได้ไม่มีปัญหา แต่ว่าไม่ค่อยสะดวก
ลองทดลองเปลี่ยนกล่อง ECM ของอีกคันมาใส่ดู สตาร์ทฉึก ๆ ๆ บึ๊ยๆๆๆ สตาร์ทได้
แสดงว่ากล่องมีปัญหาในระบบสตาร์ท เอาของคันนี้ไปใส่อีกคัน ก็กดปุ่มสตาร์ทไม่ได้
เหมือนกัน
อาการก็คือ ไฟเช็คเอนจิ้นไม่ติดสว่าง สตาร์ทมือไม่ได้ถ้าเราไล่วงจรจะเห็นว่า ไฟที่ไปเลี้ยงหลอดไฟ FI ในที่นี้เพิ่นเขียนว่า
หลอดไฟ MIL (Malfunction Indicator Lamp=หลอดไฟแสดงความผิดปกติ)
...ขอพักเที่ยงทานข้าวก่อน ค่อนมาต่อกัน อยากรู้ลองไล่วงจรไปพลางก่อน
มาต่อกัน หลอดไฟ MIL รวมถึง หลอดไฟแสดงความร้อนของเครื่องยนต์
รวมถึงไฟที่ไปปุ่มสตาร์ท จะผ่านรีเลย์ตัวหนึ่งมีชื่อว่า รีเลย์หลัก หน้าที่ของรีเลย์ตัวนี้คือ
ถ้าแรงดันไฟฟ้าในระบบเพียงพอ กล่องอีซีเอ็มจะสั่งให้รีเลย์หลักทำงาน โดยต่อขาของเมนรีเลย์
ที่เข้ากล่อง ตำแหน่ง ขา 7 ลงกราวด์ผ่านกล่องอีซีเอ็ม (ขา 2)
แต่ถ้าไฟในรถไม่เพียงพอ โดยเฉพาะระบบสตาร์ทไฟฟ้า (สตาร์ทมือ) จะกินกระแสไฟมาก
ในรถยนต์กินระหว่าง 100-200 แอมแปร์ เลยทีเดียว (แต่รถยนต์สมัยนี้ น่าจะกินน้อยลง เนื่อง
จากว่าในตัวมอเตอร์สตาร์ทเอง มีการทดรอบ) จึงออกแบบวงจรให้กล่องอีซีเอ็ม เป็นตัวควบคุม
การตัดต่อรีเลย์หลัก หากแรงดันน้อยกว่าที่จะสตาร์ทไฟฟ้าได้ กล่องอีซีเอ็มจะไม่ต่อให้ขารีเลย์
หลัก (ขา 7) ลงกราวด์ ทำให้สตาร์ทมือไม่ได้ จำเป็นต้องสตาร์ทโดยใช้สตาร์ทเท้าแทน
จากอาการของรถที่ว่ามา ถ้าฟิวส์รอง 10 A ขาด ก็มีอาการเช่นเดียวกัน
แต่รีเลย์หลักยังคงทำงานได้ปกติ ดังนั้นเราควรเช็คฟิวส์รองก่อน ว่าขาดหรือไม่
แต่อาการของรถคันนี้ ฟิวส์รองไม่ได้ขาด เพียงแค่เอากล่อง
อีซีเอ็มของรถอีกคันมาใส่ก็สตาร์ทมือได้ แสดงว่ามีปัญหาที่กล่องอีซีเอ็ม ในส่วนของการ
ควบคุมรีเลย์หลักนั้นเอง
เรามาดูวิธีแก้ไขกัน โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยกล่องอีซีเอ็มให้เสียเงินตั้งสองพันกว่าบาท
โดยการเชื่อมสายไฟระหว่างขา 7 กับขา 2 ของอีซีเอ็มเข้าด้วยกัน เราก็สามารถทำการสตาร์ทมือได้ล่ะ