SR ตระกูลวางตามยาว ขับเคลื่อนล้อหลัง SR20DE (S13, S14, S15)มาถึงหัวข้อนี้ล่ะก็จำง่ายเลย เพราะมีรหัสอยู่เพียง 1 เดียวที่คุณต้องจำ
ถ้าจะมองหาเครื่อง NA ขับหลังของ SR ล่ะก็ คุณมีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้นก็คือ SR20DE เพียงแต่ว่าคุณจะไปได้เครื่องจากรถรุ่นไหนมา ซึ่งถ้าเป็นรุ่นแรกที่ยกมาจาก Silvia Q และ Silvia J (S13) และ 180SX ตัวธรรมดา ก็จะมีสเป็คคล้ายกับ SR ขับหน้าฝาสีเงินทั่วไป โดยตัวแรกที่ออกวางจำหน่ายช่วงต้นปี 1991 จะมีแรงม้าให้ขย่มแบบพอเพียง 140 ตัว ด้วยอัตราส่วนกำลังอัด 9.5ต่อ 1
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบพอ Silvia เปลี่ยนตัวถังมาเป็น S14 เครื่อง SR20DE ที่มีอยู่ในรุ่นพื้นฐานก็ได้รับการปรับความแรงขึ้นโดยใช้อัตราส่วนกำลังอัดสูงขึ้นเป็น 10.0 ต่อ 1 ทำให้มีแรงม้าสูงขึ้นจากเดิมกลายเป็น 160 แรงม้า ในเครื่องตัวนี้ฝาครอบวาล์วจะเป็นสีเงินเหมือนเดิม แต่มีส่วนท้ายฝา (ด้านชนิดผนังห้องเครื่อง) ที่ลาดลง หรือเป็นลักษณะที่คนเล่นรถเรียกกันง่ายๆว่า “หลังหัก” นั่นเอง
เครื่อง SR20DE ขับหลังจากตัว S14 ยังมีข้อสังเกตง่ายๆอีกอย่างก็คือปูดที่ฝาครอบวาล์วด้านแค็มไอดี ซึ่งเป็นที่สิงสถิตย์ของ
ระบบควบคุมการแปรผันแท่งแค็มชาฟท์จาก Nissan หรือย่อว่า NVCS นั่นเอง เจ้าแค็มแปรผันนี่มีส่วนช่วยในการเรียกแรงบิดให้มารับใช้ฝาเท้าได้เร็วขึ้น วิศวกรNissan ปรับจูนต่อจนทำให้แรงบิดเพิ่มจาก 178Nm ในเครื่อง S13 มาเป็น 188Nm
ปิดท้ายด้วยเครื่องขับหลังรุ่นสุดท้ายที่มาจาก Silvia S15 รุ่น Spec S ซึ่งนำเครื่องตระกูลฝาเงินหลังหักจาก S14 มาปรับจูนอีกเล็กน้อยจนได้พละกำลัง 165 แรงม้า แต่แรงบิดนั้นยังมีอยู่เท่าเดิมและมาให้ใช้ที่ 4800 รอบเช่นเดิม
ความที่มีขนาดเล็ก ยัดลงในห้องเครื่องรถขับหลังแล้วยังเหลือที่ให้แมววิ่งเล่นอีกเพียบทำให้ไม่น่าแปลกใจที่เครื่องบล็อคนี้จะเป็นที่นิยมในรถญี่ปุ่น หรือรถยุโรปเก่าที่ขับเคลื่อนล้อหลัง เครื่องบล็อคนี้ถ้าประกบกับเกียร์ธรรมดาในรถน้ำหนักราว 1 ตันนิดๆ จะวิ่งควอเตอร์ไมล์ได้ราว 16 วินาทีบวกลบ และอาจจะเพิ่มเข้าไปอีกหน่อยหากนำไปวางในรถยุโรปที่ตัวหนัก 1.2 ตัน
SR20DE Autech Special (S15)ว่าจะไม่พูดถึงเครื่องตัวนี้แล้ว แต่ก็ขอซะหน่อยเถอะ เพราะมันเป็นเครื่องที่น้อยคนจะรู้จัก แต่ก็มีพิษสงร้ายกาจไม่เบา
(ผมเองก็เพิ่งจะมาค้นเจอสเป็คมันตอนเขียนบทความนี้แหละครับ)
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ เครดิตภาพ : www5b.biglobe.ne.jp/~abemoto/silvia.htm
ดูลักษณะของเจ้าฝาแดงหลังหักตัวนี้ คงไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญรถซิ่งมาบอกใช่ไหมครับว่าลักษณะมันไม่ธรรมดา
SR20DE รุ่นพิเศษจาก Autech นี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาใจคนที่รักการตอบสนองชนิด “ตามตีน” ของเครื่องแบบหายใจธรรมดา แต่พบว่า 165 แรงม้าใน SR20DE นั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ
Autech นั้นเคยประสบความสำเร็จจากการช่วย Nissan ทำเครื่อง SR20DE วางขวางขับหน้าสเป็คพิเศษด้วยการเอาเครื่องเดิมมาเพิ่มกำลังอัด ขัดแต่งฝาสูบ เปลี่ยนแค็ม จนทำให้ SR20DE เสกม้าได้ 170-175 ตัวมาแล้วและยังขับใช้งานได้ดีปกติ ดังนั้นในครั้งนี้พวกเขาได้รับหน้าที่ “ใส่พริกป่น” ให้ักับเครื่องขับหลังนี้อีกครั้ง
เครื่อง SR20DE ได้รับการโมดิฟายเพิ่มกำลังอัดเป็น 11.7 ต่อ 1 และเปลี่ยนมาใช้แค็มชาฟท์ืที่มีองศาและระยกสูงขึ้น (ค้นข้อมูลไม่เจอว่าใช้แค็มองศา/ระยะยกเท่าไหร่…ผมเดาว่าน่าจะมีระดับ 272องศาขึ้นไป) จากนั้นโยนวาล์วชุดเดิมทิ้ง มาใช้วาล์วที่เป็นแบบ Sodium-filled เหมือนเครื่องเทอร์โบ พร้อมกับจูนกล่องและระบบ NVCS ให้เหมาะสมกับองศาแค็มที่เปลี่ยนไป นอกจากนี้ยังเปลี่ยนเฮดเดอร์ที่พัฒนาร่วมกับ Fujitsubo อย่างที่เห็นในภาพ (สีท่อร่วม แรดมากกค่ะ) รูปแบบของมันก็เป็นแบบ 4 รวม 1 ที่เน้นการยกแรงบิดรอบปลายมากขึ้น ไอเสียจะถูกส่งผ่านไปยังท่อรวม ซึ่งขนาดท่อในจุดนี้จะเท่ากับรถรุ่นที่เป็นเครื่อง SR20DET
และเพื่อให้ลากรอบได้สะใจ จึงเพิ่มรอบเครื่องสูงสุดจาก 7200 ให้เป็น 7500 ด้วย ม้าทั้ง 200 ตัวในเครื่องจะได้มีสนามให้วิ่งยืดเส้นยืดสายกันสบายใจยิงขึ้น ตบท้ายด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีดทดชิดเพื่อเลี้ยงรอบเครื่องยามสับเกียร์ให้อยู่ในช่วงรอบสูงตลอดเวลา นี่เป็นเครื่องที่หายากมาก และเป็นความโดดเด่นที่ทำให้เครื่อง SR ธรรมดาหมัดหนักขึ้นจนทาบชั้นกับ 3S-GE BEAMS 200 แรงม้าใน Toyota Altezza ได้(แต่คงไม่เก่งขนาดไปไล่ฆ่า S2000 ได้นะ)
SR ตระกูลวางตามยาว ขับเคลื่อนล้อหลัง มีเทอร์โบ SR20DET (Silvia S13, 180SX)เริ่มกันที่ SR20DET ขับหลังตัวแรกที่ประเดิมตลาดใน Silvia K/180SX เทอร์โบ ในปี 1991 ก่อนเลย ถ้ามองจากภายนอก เครื่องของขับหลังจะมีความแตกต่างจากเครื่องเทอร์โบขับหน้าใน U12 อย่างเห็นได้ชัด เพราะแม้จะมีฝาครอบวาล์วเรียบ สีแดงเหมือนกัน แต่เครื่องขับหลังจะมีฝาปิดร่องหัวเทียนสีขาวมาให้ดูเรียบร้อยสวยงาม และถ้าเปิดออกก็จะพบว่าเครื่องขับหลังเทอร์โบนี้ใช้ระบบจุดระเบิดแบบคอยล์อิสระ แยกสูบใครสูบมัน (ซึ่งถ้าดูดีๆจากข้างนอกก็จะพบแล้วว่าที่ที่เคยมีจานจ่ายมันถูกแทนที่ด้วยเซ็นเซอร์สำหรับส่งค่าองศาแค็มชาฟท์กลับไปยังกล่อง ECU)
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ เครดิตภาพ:
www.autospeed.com ถึงแม้ระบบจุดระเบิดจะต่างกันกับรุ่นขับหน้าใน U12 แต่ก็ใช้เทอร์โบ T25 เหมือนกันและตามสเป็คก็มีแรงม้าให้ใช้เท่ากันที่ 205 ตัว แรงบิด 275Nm อินเตอร์คูลเลอร์จะถูกติดตั้งไว้ด้านหน้ารถ และมีขนาดเพียงพอต่อการรองรับม้าประมาณ 240 ตัวได้ แต่ถ้าเกินนั้นก็แนะนำว่าให้เปลี่ยนดีกว่า นอกเหนือจากนี้ไป สเป็คของเครื่องมีความใกล้เคียงกันกับเครื่องของ Bluebird ใช้หัวฉีด 370ซี.ซี.เหมือนกัน ใช้ลิ้นคันเร่งเดี่ยวขนาด 60 ม.ม. เหมือนกัน และมีวาล์วแบบ Sodium-filled เหมือนกัน
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ ความแรง 205 แรงม้านี้ก็พอให้ตัวถัง S13 เกียร์ธรรมดาวิ่งควอเตอร์ไมล์ในช่วง 14วิปลายถึง 15 วิต้นๆได้ เครื่องฝาแดงเรียบนี้ไม่มีกลไกพิเศษใดๆ จึงอาจจะดูไม่น่าสนใจบนโบรชัวร์ แต่สิ่งนี้กลับกลายเป็นข้อดีของมัน เพราะว่าระบบสั่งการเครื่องยนต์ทุกอย่างไม่มีอะไรซับซ้อน ง่ายต่อความเข้าใจ ไม่มีเซ็นเซอร์ประเภทขีปนาวุธล้างโลกให้ช่างทำสายไฟต้องปวดหัว อุปกรณ์แต่งอย่างเช่นแค็มชาฟท์ก็สามารถใช้ร่วมกับเครื่องขับหน้าได้ ทำให้มันเป็นทางเลือกที่ดีหากต้องการนำเครื่องมาทำต่อเพื่อเค้นเอาแรงเป็นจุดประสงค์หลัก ลักษณะของฝาสูบเครื่องรุ่นนี้จะเป็นแบบ Highport พอร์ทไอดียิงเฉียงลงแบบเครื่องรุ่นเก่า ซึ่งให้ประสิทธิภาพในการไหลของอากาศที่ดีกว่าฝาสูบแบบใหม่อีกด้วย
SR20DET (180SX Minorchange)เป็นเครื่องที่มากับ 180SX รุ่นไมเนอร์เชนจ์ที่ออกมาช่วงปี 1996 รายละเอียดเครื่องยนต์ทางเทคนิค ดูตามสเป็คแล้วเหมือนกับเครื่องฝาแดงเรียบ ไม่มีอะไรเปลี่ยน แรงม้าของเครื่อง “ฝาดำเรียบ” ตัวนี้ก็ยังคงเท่าเดิมที่ 205 แรงม้า แรงบิดก็เท่าเดิม
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ เครดิตภาพ:royaljapanesemotors.com
แต่ส่วนที่เปลี่ยนไปนั้นหากไม่นับกล่อง ECU และปลั๊กสายไฟบางส่วนไม่เหมือนเครื่องฝาแดงเรียบแล้วก็จะมีแถบครีบระบายความร้อนที่ฝาสูบของเครื่องยนต์ ซึ่งในฝาแดงเรียบจะยังไม่มี
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ เครดิตภาพ:www.zilvia.net
เคยมีคนที่วางเครื่องฝาดำเรียบตัวนี้ ลองเอามาเดินสายไฟใหม่ใช้กับกล่อง ECU ของเครื่องฝาแดงเรียบดู ก็สามารถทำให้ใช้งานได้เป็นปกติ เรียกได้ว่าเครื่องสองตัวนี้มีความเหมือนกันมาก แต่ก็น่าสงสัยจริงๆว่าทำไม 180SX ยังใช้เครื่องรุ่นนี้ในขณะที่ Silvia ได้เครื่องฝาดำหลังหักตัวใหม่มาใช้แล้ว อาจจะเป็นเพราะ Nissan ขี้เกียจต้องมานั่งวางผังระบบสายไฟให้กับ 180SX ใหม่ก็ได้ เพราะ S14 นั้นเปลี่ยนใหม่ยกชุดจนถ้าเอามาใช้กับ S13 ก็อาจจะต้องมีการเปลี่ยนส่วนอื่นให้รับกัน เพิ่มต้นทุนซะเปล่าๆ ก็รถมันยังขายได้นี่หว่า
SR20DET (Silvia S14)เครื่อง SR20DET ขับหลังรุ่นต่อมาก็คือเครื่องที่อยู่ในรถ Silvia ตัวถัง S14 ซึ่งมีำำจำหน่ายในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1993 ปลายปีเป็นต้นมาและถือว่าเป็นโชคดีอย่างประหลาดของคนใช้ Silvia ที่ได้รับเครื่องยนต์ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ ในขณะที่แฟนๆ 180SX ยังต้องใช้เครื่องตัวเดิมอยู่ (เปลี่ยนแค่สีฝาครอบวาล์ว)
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ เครื่องของ Silvia S14 นี้จะมีหน้าตาไม่เหมือนเครื่องฝาแดงเรียบสมัย S13 เพราะฝาครอบวาล์วนั้นนอกจากจะถูกเปลี่ยนเป็นสีดำแล้วยังมีลักษณะส่วนท้ายที่ลาดเอียงไปข้างหลัง ทำให้คนไทยตั้งชื่อให้มันว่า SR รุ่นฝาดำหลังหักนั่นเอง
สิ่งที่เปลี่ยนไปเห็นได้ชัดอีกอย่างคือกระเปาะร่วมของท่อไอดี จากเดิมจะมุดอยู่ด้านล่าง แต่ในเครื่องบล็อคใหม่นี้จะโผล่มาให้เห็นด้านบนและมีท่อไอดียิงลงไปหาพอร์ทฝาสูบ ลักษณะแบบนี้ก็คือฝาแบบ Low port แบบเดียวกับที่พบในเครื่องขับหน้ารุ่นหลังๆนั่นล่ะครับนอกจากนี้ ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ Nissan ลดขนาดลิ้นคันเร่งจากเดิม 60 ม.ม. ลงเหลือ 58 ม.ม. ถ้าว่ากันตามหลักแล้วก็จะช่วยให้เครื่องตอบสนองได้กระชากทันใจขึ้น แต่ถ้าลากรอบกันแบบสุดๆแล้ว ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าลิ้นคันเร่งเดิมมีขนาดที่เหมาะสมกว่า
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ เครดิตภาพ :www.autospeed.com
เครื่องบล็อคฝาดำหลังหักนี้ยังมีการปรับปรุงที่สำคัญอีก 2 จุดคือ กลไกในฝาสูบ และเทอร์โบ
สำหรับกลไกในฝาสูบนั้น Nissan ได้ทำการเพิ่มระบบ NVCS ซึ่งเป็นระบบแปรผันองศาของแท่งแค็มมาให้ เพื่อช่วยให้แรงบิดเครื่องยนต์มีความต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำไปจนถึงรอบสูง กราฟแรงบิดมีลักษณะอวบอ้วนมากขึ้นและทำให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมี ประสิทธิภาพกว่าเดิมด้วยการคำนวณเลือกองศาแท่งแค็มชาฟท์ให้เหมาะกับรอบเครื่องและความลึกของการเหยียบคันเร่ง
ส่วนเทอร์โบ จากเดิมที่ใช้ Garrett T25 แกนธรรมดา ก็เปลี่ยนมาเป็นรุ่น T-28 และเป็นแกน Ball bearing ตลับลูกปืนตรงกลาง เทคโนโลยีนี้ทำให้ใบพัดเทอร์โบสามารถหมุนได้ง่ายขึ้นเพราะแรงเสียดทานที่น้อยลง ส่งผลให้เทอร์โบติดบูสท์ได้เร็วกว่าเดิม และอาศัยผลประโยชน์จาก Ball bearing นี้ทำให้ Nissan ตัดสินใจขยายขนาดกังหันฝั่งไอดีเพิ่มเพื่ออัดอากาศเข้าเครื่องให้ได้มากกว่าเดิม
ผลที่ได้จากเทคโนโลยีทั้งสองอย่างทำให้มีแรงม้าเพิ่มขึ้นจาก 205 เป็น 220 แรงม้า ส่วนแรงบิดนั้นสูงเท่าเดิม แต่มาให้ใช้จำนวนมากตั้งแต่รอบต่ำกว่าและสามารถคงค่าแรงบิดที่สูงระดับนี้ไปได้ถึง 4800 รอบต่อนาที ทำให้ S14 ที่ตัวโต แบนกว้างและหนักกว่า S13 สามารถเร่งได้รวดเร็วกว่าและทำความเร็วสูงสุดเฉียด 250 ได้เลยถ้าปลดล็อคความเร็วเสียก่อน
แล้วถ้าสมมติว่าใครอยากเอา T-28 ของ S14 ไปใส่ใน S13 ล่ะ? ก็ทำได้ครับแต่ต้องแก้ไขปากทางยึดเทอร์โบกันใหม่เพราะ
มันหันไปคนละทิศกันกับเทอร์โบตัวเก่า และถึงแม้เอาเทอร์โบของ S14 มาใส่ ก็เป็นที่รู้กันว่ารองรับม้าได้สูงสุดราว 300ตัวกว่าๆเท่านั้นดังนั้นนักเลงรถส่วนมากถ้าคิดจะเปลี่ยน ก็มักจะหันไปคบเทอร์โบแต่งใหญ่ๆใส่บูสท์กันเต็มๆเอาม้า 350-400 ตัวกันไปเลยมากกว่า
เล่นกันอย่างนี้..เป็นต้น
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ SR20DET (Silvia S15)และแล้วก็มาถึงเครื่อง SR ตัวสุดท้ายของบทความนี้เสียที
น่าเสียดายที่มันเป็นเครื่อง SR ขับหลังตัวสุดท้ายของโลกด้วยเช่นกัน
SR20DET ใน S15 นี้ก็มีองค์ประกอบหลักที่เหมือนกับ S14 แถมมีการแบ่งแยกความแรงออกตามระบบส่งกำลังที่ใช้
กล่าวคือรถรุ่นที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ จะยังมีพละกำลังเท่าเดิม ใช้เทอร์โบรุ่นเดิม และมีกำลัง 220 แรงม้าเท่าสมัย S14
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ เครดิตภาพ: ตามที่เห็นมุมขวาล่างนั่นแหละ
แต่ถ้าหากคุณรักจะแรงจริง นักเลงรถแท้ต้องเลือกรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (ของเดิมเป็น 5 สปีด) และถ้าหากเป็นเครื่องตัวนี้
จะได้ของดีติดมาเป็นเทอร์โบ T-28 ที่เอาของ S14 มาพัฒนาต่อยอดโดยปรับขนาดกังหันฝั่งไอเสียให้มีเส้นผ่านศูนย์กลาง
เพิ่มขึ้น ให้ผลดีต่อการระบายไอเสียที่รวดเร็วขึ้นในรอบสูง อั้นไอเสียน้อยลง และส่งผลให้เทอร์โบสามารถหมุนทำลม
ได้มากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ความลับอีกอย่างคือกังหันฝั่งไอเสียนั้นทำมาจากวัสดุที่เรียกว่า Inconel (เป็นชื่อทางการค้า)
ซึ่งเป็นซูเปอร์อัลลอยชนิดพิเศษที่ทนความร้อนได้สูงมาก รู้จักเครื่องบินทดลอง X-15 ที่บินได้เร็วกว่าเสียง 6.8 เท่าไหมครับ?
นั่นล่ะครับ วัสดุภายนอกของลำตัวเครื่องบินทำมาจาก Inconel รุ่นพิเศษชนิดหนึ่งเช่นกัน
และในเมื่อมีเทอร์โบช่วยอัดอากาศเข้าเครื่องมากขึ้น น้ำมันเชื้อเพลิงก็ต้องจ่ายตามให้มากขึ้นในอัตราส่วนที่สัมพันธ์กัน
ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนจากหัวฉีด 370 ซี.ซี. มาเป็นหัวฉีดขนาด 480 ซี.ซี.แทน (จริงๆ 370 มันก็พอรับได้อยู่หรอก แต่เพื่อความปลอดภัยในกรณีเจ้าของโมดิฟายต่อ มีเผื่อเหลือดีกว่าขาด)
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบเครดิตภาพ :
www.driftworks.co.uk เท่านั้นยังไม่พอ ที่ท่อนล่างของเครื่อง SR20DET S15 เกียร์ธรรมดา ยังได้รับแบริ่งรองรับเพลาข้อเหวี่ยงใหม่ และก้านสูบใหม่ที่ทานทานขึ้นกว่าของเดิม
ผลสรุปออกมาก็ได้เป็นแรงม้า 250 ตัวที่ 6400 รอบต่อนาที ซึ่งเพียงพอให้ Silvia S15 เกียร์ 6 สปีดเดิมๆ เร่งจาก 0-100 ได้ภายใน 6.3 วินาที และผ่านหลักควอเตอร์ไมล์ได้ภายในเวลา 14.2 วินาทีเท่านั้น
แล้วเครื่อง S14 กับ S15 ก็หน้าตาเหมือนกัน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวไหนมันคือ 220 ม้า ตัวไหนคือ 250 แรงม้า เท่าที่ค้นเว็บฝรั่งดู เขาว่ามีวิธีดูที่ part number ของเทอร์โบครับ ถ้าเป็น 14411-91F00 อันนี้จะเป็นเทอร์โบของ S15 เกียร์ธรรมดา แต่ถ้าเป็น 14411-75F00 หรือ 14411-69F00 ก็จะเป็นเทอร์โบของรถรุ่นที่มี 220 แรงม้าอย่าง S14 และ S15 เกียร์อัตโนมัติ
ทั้งนี้ ก็มีบอกเล่าให้ได้ทราบเหมือนกันว่า ตอนที่ทำ S15 ล็อตท้ายๆก่อนเลิกผลิตนั้น Nissan เกิดอยากประหยัดงบ และเอาเทอร์โบรุ่นธรรมดายัดใส่ในเครื่องสเป็คเกียร์ธรรมดา และใช้วิธีจูนกล่องเพื่อชดเชยให้แรงม้าคงอยู่ที่ 250 ตัวเหมือนเดิม
จริงเท็จประการใดไม่ทราบ แต่เวลาซื้อเครื่อง ก็ระวังไว้หน่อยละกัน (เว้นเสียแต่ว่าคุณกะซื้อมาโมดิฟายเปลี่ยนเทอร์โบอยู่แล้ว)
SR20 จาก S15 นั้นกล่าวได้ว่าเป็นเครื่องขับหลังที่พัฒนาจนถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่ทำใจเอาไว้นิดนึงสำหรับคอผสมข้ามพันธุ์ที่คิดจะเอาเครื่องจาก S15 มาวางใน Peugeot หรือ E30 ของท่าน เพราะการวางเครื่องลงไปน่ะง่าย แต่การต่อสายไฟให้ครบน่ะหินกว่าเครื่องขับหลังรุ่นแรกๆเยอะ เพราะเครื่องตัวใหม่นี้นอกจากจะมีแค็มแปรผันเช่นเดียวกับ S14 แล้ว ยังมีสัญญาณและเซ็นเซอร์สำหรับอ่านค่าความเร็วรถที่ไม่เหมือนกับของรุ่นอื่น ดังนั้นเมื่อผมถามนักเลง SR บางท่าน ก็มักจะได้คำตอบประมาณว่า “ถ้าคิดจะวาง S15 โดยไม่มีช่างสายไฟที่รู้เรื่องจริงนั้น ผมว่าคุณหันไปจับเครื่องฝาแดงเรียบมาวางแล้วเก็บส่วนต่างไว้โมดิฟาย คุณจะได้ผลตอบแทนคุ้มค่ากว่านะ”
แต่ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เครื่องตัวไหนก็ตาม โมดิฟายเพิ่มหรือไม่ก็ตาม ชั่วโมงนี้ก็ยังต้องยอมรับว่าสิ่งหนึ่งที่ Nissan ได้สร้างให้เป็นตำนานของวงการนักเลงรถ ก็คือเครื่อง SR นี่เอง
จริงอยู่ว่าคุณยังมีเครื่องยนต์อีกมากมายให้เลือก แถมยังแรงจากโรงงานยังสะใจกว่า SR อีกมาก แต่ต้องไม่ลืมว่าคุณสมบัติของเครื่องยนต์ที่สำคัญ นั่นคือความเบาของตัวเครื่อง ความทนทานของเสื้อสูบ พื้นฐานของท่อทางเดินอากาศภายในฝาสูบที่ดีซึ่ง SR สามารถตอบโจทย์ให้คุณได้หมด ขอเพียงเปลี่ยนชิ้นส่วนเช่นลูกสูบ ปั๊มน้ำ ปั๊มน้ำมันเครื่อง สปริงวาล์ว ให้เหมาะสมกับระดับความแรงและลักษณะการใช้งานก็พอ เมื่อยอมลงทุนกับเงินที่ใช้เพื่อความทนทานในข้อนี้แล้ว SR ก็สามารถนำไปใช้สร้างแรงม้าแรงบิดมหาศาล เอาให้ควันท่วมล้อกันไปเลย
ไม่เชื่อ ก็ลองไปดูตามเทศกาลดริฟท์ต่างๆแล้วลองเปิดฝากระโปรงรถดริฟท์สัก 10 คัน…โทรบอกผมหน่อยนะถ้ามันมี SR อยู่ในนั้นไม่ถึง 7
SPECS รายละเอียดย่อของเครื่อง (บางรุ่น)
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ รายละเอียดสรุปของแคมชาฟ์ในเครื่องรุ่นต่างๆตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ |
| |
| |
|
Source of information
nissanforums.com
sr20forum.com
autospeed.com
Nissan Performance Tuning- Sarah Forst
Sport Compact Car-Engine & Driveline Handbook
www.northwestnissans.comwww.tomei-p.co.jpwww.nissansilvia.com เจ้าของกระทู้
มาจากที่นี่...