แอร์ออโต้ (Automatic HVAC) ในรถยนต์ ทำงานอย่างไร ? เมื่อวานลงเคสฮีตเตอร์ของ Focus รั่ว แล้วพบว่าหลายคนสงสัยว่าจะมีฮีตเตอร์ทำไม? ใส่มาทำไม?
เมืองไทยไม่ใช่เมืองหนาว? บลาๆ .. ถ้ามีคำถามประมาณนี้ ข้อสงสัยประมาณนี้ นั่นแปลว่าหลายๆ ท่าน
อาจจะยังไม่เคลียร์เกี่ยวกับระบบการทำงานของแอร์ออโต้ในรถยนต์
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ เอาเป็นว่าเรามาทำความเข้าใจระบบการทำงานของแอร์ออโต้ในรถยนต์กันแบบเข้าใจง่ายๆ กันดีกว่า ..
โพสต์นี้อาจจะยาวหน่อย แต่อยากจะให้อ่านให้จบ เรามาทำความเข้าใจระบบแอร์ออโต้ที่เราเรียกๆ กัน
จนติดปากกันสักหน่อยกันดีกว่านะครับ แอร์ออโต้ในรถยนต์ที่ชาวไทยเรียกกันติดปากนั้นจริงๆ แล้ว
คือระบบ Automatic HVAC (heating, ventilating, and air conditioning) หลักการของระบบนี้
คือทำยังไงก็ได้ให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบายตัวทางด้านอุณหภูมิ ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป ไม่หนาวเป็นช่วงๆ
ไม่รู้สึกอากาศแห้งจนแสบจมูก ไม่รู้สึกอากาศชื้นจนอึดอัด และรวมไปถึงการพยายามทำให้คุณภาพอากาศภายใน
ห้องโดยสารเป็นค่าที่ยอมรับได้
มาถึงตรงนี้ผมอยากให้ทุกท่านลืมแอร์แบบลูกบิดไปให้หมดก่อน ลืมไปให้หมดว่าต้องเร่งพัดลมเท่านั้น
เร่งน้ำยาแอร์เท่านี้ ปรับลมเป่าหน้าหรือปรับลมเป่าเท้า ลืมให้หมด แล้วก็ลืมแอร์ออโต้พิการๆ ที่อยู่ในรถ Toyota
ที่ผลิตในประเทศไทยบางรุ่นออกไปให้หมดด้วยนะครับ (ไม่อย่างนั้นจะสับสนในการอ่านเปล่าๆ) ต่อจากนี้
เราจะมาพูดถึงแอร์ออโต้กันล้วนๆ .. เริ่มจากหน้าตาของแผงควบคุมแอร์ออโต้กันก่อนนะครับ
หน้าตาของแผงควบคุมหรือแอร์ออโต้ที่เราคุ้นเคยจะมี 2 แบบด้วยกันคือ
แบบแรก คือ แอร์ออโต้ที่แผงควบคุมมีหน้าจอแสดงอุณหภูมิ (บางคนอาจเรียกแอร์แบบนี้ว่าแอร์ดิจิตอล) ยกตัวอย่างก็เช่น
แอร์ออโต้ของ Nissan March เป็นต้น หน้าตาของของแอร์ออโต้แบบนี้จะแสดงอุณหภูมิ(ที่เราต้องการ)
ความแรงของลม โหมด(เป่าหน้า เป่าขา เป่าโน่นนี่นั่น) เป็นต้น
แบบที่ 2 เป็นแอร์ออโต้ที่แผงควบคุมไม่มีหน้าจอแสดงอุณหภูมิ ตัวอย่างเช่นแอร์ออโต้ของ Lancer EX
ซึ่งจะไม่มีการแสดงผลให้เราทราบว่าตอนนี้ความแรงของลมแค่ไหน แอร์อยู่ในโหมดอะไร ส่วนอุณหภูมินั้น
ก็จะเป็นไปตามที่เราตั้ง(ที่ลูกบิด) อยากได้ 25 องศา ก็ปรับลูกบิดไปที่ 25 องศา แค่นั้นเลย (จะไม่ใช่ลูกบิด
แบบมีขีดฟ้าๆ ปรับน้ำยาแอร์แบบระบบแอร์ปรับมือนะครับ อย่าสับสน)
แต่ไม่ว่าจะเป็นแอร์ออโต้ที่แผงควบคุมมีหน้าจอหรือไม่มีหน้าจอ ก็มีหลักการทำงานเหมือนกัน
ก่อนอื่นมาดูส่วนประกอบหลักๆ ของแอร์ออโต้กันก่อน มาดูส่วนประกอบหลักๆ ของแอร์ออโต้นะครับ
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ เริ่มจากอากาศ(ลม)ที่เข้ามาสู่ตู้แอร์มาได้จาก 2 แหล่งคือจากในรถ(หมายเลข 10)หรือจากนอกรถ(หมายเลข 8
ซึ่งตรงนี้จะมีประตูลม(ที่อยู่ระหว่างเลข 8 กับเลข 10)ควบคุมอยู่ จากนั้นอากาศก็จะถูกดูดเข้าสู่โบลเวอร์
(ซึ่งจะถูกควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เดี๋ยวอธิบายอีกครั้ง)และพัดผ่าน evaporator หรือคอยล์เย็น ซึ่งจะได้
อากาศเย็น(เจี๊ยบ)ออกมา .. จากรูปเราจะเห็นประตูลมอันหนึ่งที่เรียกว่า Temp Blend Door หรือภาษาช่างบ้านเรา
จะเรียกว่าประตูผสมลม(ประตูผสมลมนี้จะถูกเปิดมากน้อยโดยอัตโนมัติ เดี๋ยวมาอธิบายอีกทีว่าประตูผสมลมนี้ทำงานยังไง)
ซึ่งจะทำหน้าที่เปิดมาก/น้อยหรือปิดไปเลยเพื่อให้ลมส่วนหนึ่งเข้าไปสู่ Heater core หรือคอยฮีตเตอร์ ที่ใช้น้ำร้อน
จากหม้อน้ำมาวนในแผงฮีตเตอร์เพื่อเป็นตัวสร้างความร้อน หลังจากนั้นลมที่ผสมแล้วจะมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูปรับทิศทางลม
หรือ Mode door ซึ่งก็คือจะให้ลมเป่าหน้า เป่าเท้า เป่ากระจกหน้าเพื่อไล่ฝ้าอะไรก็ว่าไป (ซื่งประตูปรับทิศทางลมนี้
ก็ถูกปรับอย่างอัตโนมัติเช่นกัน)
ส่วนประกอบสำคัญที่มีในแอร์ออโต้ แต่แอร์ธรรมดาไม่มี
คือ เซ็นเซอร์อย่างน้อย 3 ตัว ได้แก่
1. เซ็นเซอร์อุณหภูมินอกรถ(มักจะอยู่หน้าคอยล์ร้อน)
2. เซ็นเซอร์แสงบนแดชบอร์ด(บนคอนโซล)
3. เซ็นเซอร์อุณหภูมิและความชื้นภายในห้องโดยสาร(มักจะอยู่บริเวณเหนือเข่าซ้ายของคนขับ)
นอกจากเซ็นเซอร์แล้ว
แอร์ออโต้ต้องมีกล่องควบคุม 1 กล่อง รวมถึง
เสต็ปปิ้งมอเตอร์
สำหรับควบคุมประตูลมอีก 2-3 ตัว ทีนี้แอร์ออโต้ทำงานยังไง มาดูกัน!!! เพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายผมขอสมมุติเหตุการณ์ขึ้นมานะครับ
☀ เหตุการณ์ที่ 1 รถจอดตากแดดในหน้าร้อน เมื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์สมมุติว่าตั้งอุณหภูมิไว้ 25 องศา .. เซ็นเซอร์อุณหภูมินอกรถจับได้ว่าอุณหภูมินอกรถเกือบ 40 องศา
เซ็นเซอร์แสงบนแดชบอร์ดจับได้ว่าโอ้โหแดดแรงโคตรๆ เซ็นเซอร์อุณหภูมิและความชื้นภายในห้องโดยสารจับได้ว่าอุณหภูมิในรถ
ปาเข้าไปเกือบ 50 องศา ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ทั้ง 3 ตัวถูกส่งเข้าสู่กล่องควบคุม ทำให้กล่องควบคุมรู้ว่า ตอนนี้ทั้งนอกรถและในรถ
อากาศร้อนโคตรๆ กล่องก็สั่งให้ประตูผสมลมปิดให้สนิท(เพราะต้องการอากาศเย็นอย่างเดียว) สั่งให้โบลเวอร์หมุนแรงดุจพายุ
สั่งให้ประตูปรับทิศทางลมเป่าลมออกตรงๆ สิ่งที่กล่องควบคุมทำนั้นก็หวังจะให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารถึง 25 องศาโดยเร็วที่สุด
ซึ่งเมื่ออุณหภูมิของห้องโดยสารค่อยๆ เย็นลง ความแรงของโบลเวอร์ก็จะค่อยๆ ลดลงจนถึงจุดพอเหมาะ ประตูผสมลมก็จะเริ่มแง้มนิดๆ
เพื่อให้อุณหภูมิ 25 องศาคงที(ไม่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว)
⛄ เหตุการณ์ที่ 2 ขับรถขึ้นดอยอินทนนท์ช่วงเช้ามืดของปลายปี เมื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์สมมุติว่าตั้งอุณหภูมิไว้ 25 องศา .. เซ็นเซอร์อุณหภูมินอกรถจับได้ว่าอุณหภูมินอกรถ 5 องศา
เซ็นเซอร์แสงบนแดชบอร์ดจับได้ว่าไม่มีแสง เซ็นเซอร์อุณหภูมิและความชื้นภายในห้องโดยสารจับได้ว่าอุณหภูมิในรถประมาณ 15 องศา
ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ทั้ง 3 ตัวถูกส่งเข้าสู่กล่องควบคุม ทำให้กล่องควบคุมรู้ว่าตอนนี้นอกรถโคตรหนาว ในรถก็หนาว(อ้างอิงอุณหภูมิที่
25 องศาที่เราตั้งไว้) กล่องก็สั่งให้ประตูผสมลมเปิดเกือบสุดเพราะต้องการลมอุ่นไปทำให้ห้องโดยสารอุ่นขึ้น (ตรงนี้คอมแอร์ยังคงทำงาน
เพื่อให้คอยล์เย็นมีความเย็นเพื่อดึงความชื้นออกจากห้องโดยสาร) สั่งให้โบลเวอร์หมุนแรงพอประมาณ สั่งให้ประตูปรับทิศทางลมเป่าลม
เป่าลมอุ่นส่วนใหญ่ลงเท้า (เพราะอากาศร้อนจะลอยขึ้นที่สูง ทำแบบนี้ช่วยให้ห้องโดยสารอุ่นไวขึ้น) สิ่งที่กล่องควบคุมทำนั้นก็หวังจะให้
อุณหภูมิภายในห้องโดยสารถึง 25 องศาโดยเร็วที่สุดซึ่งเมื่ออุณหภูมิของห้องโดยสารค่อยๆ เย็นลง ความแรงของโบลเวอร์ก็จะค่อยๆ
ลดลงจนถึงจุดพอเหมาะ ประตูผสมลมก็จะเริ่มแง้มมากขึ้น เพื่อให้อุณหภูมิ 25 องศาคงที(ไม่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว)
☔ เหตุการณ์ที่ 3 ขับรถลุยฝนตกหนัก เมื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์สมมุติว่าตั้งอุณหภูมิไว้ 25 องศา .. เซ็นเซอร์อุณหภูมินอกรถจับได้ว่าอุณหภูมินอกรถ 23 องศา
เซ็นเซอร์แสงบนแดชบอร์ดจับได้ว่าแสงน้อย เซ็นเซอร์อุณหภูมิและความชื้นภายในห้องโดยสารจับได้ว่าอุณหภูมิในรถ
ประมาณ 24 องศา แต่ความชื้นสูงเกือบ 90% ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ทั้ง 3 ตัวถูกส่งเข้าสู่กล่องควบคุม ทำให้กล่องควบคุม
รู้ว่าตอนนี้นอกรถอากาศเย็น ในรถอากาศก็เย็น กล่องก็สั่งให้ประตูผสมลมเปิดในอัตราที่เหมาะสม สั่งให้โบลเวอร์หมุนเบาๆ
สั่งให้ประตูปรับทิศทางลมเป่าลมออกตรงๆ สิ่งที่กล่องควบคุมทำนั้นก็หวังจะให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารถึง 25 องศา
และลดความชื้นในห้องโดยสารลงให้อยู่ในระดับที่รู้สึกสบาย(ประมาณ 60% ที่อุณหภูมิ 25 องศา) ซึ่งเมื่ออุณหภูมิของ
ห้องโดยสารถึง 25 องศาและความชื้นลงถึง 60% ความแรงของโบลเวอร์ก็จะค่อยๆ ลดลงจนถึงจุดพอเหมาะ ประตูผสมลม
จะเปิดคงที่ เพื่อให้อุณหภูมิและความชื้นคงที่
หวังว่าเหตุการณ์ทั้ง 3 รูปแบบคงจะทำให้เข้าใจแอร์ออโต้กันมากขึ้นนะครับ หวังว่าคงจะไม่งงกันนะครับ แต่ถ้างงก็ถามไว้
ในคอมเมนต์ได้นะครับ
เสริมให้อีกนิดสำหรับใครที่ใช้ออโต้แล้วงงๆ ขัดใจ วิธีใช้ที่ง่ายที่สุดคือปรับอุณหภูมิที่อยากได้แล้วกดปุ่ม Auto แค่นั้นเลย จบ
อ่านโพสต์เพิ่มเติมบ้านผมมีรถที่ใช้แอร์ออโต้สามคัน คือ อัลติส มาร์ช และ แอคคอร์ท G9 ส่วนวีออสอีกคันเป็นแอร์ลูกบิดธรรมดา
- มาร์ช กับ แอคคอร์ทเป็นแอร์ออโต้แท้ เวลาขับช่วงฝนตก หรือ อากาศเย็น (ซึ่งหาได้ยากในกรุงเทพ) แอร์จะผสมลมอุ่นจากฮีทเตอร์แล้วออกมาช่องตรงกลาง ส่วนด้านข้างจะเป็นลมเย็นแทน ขับสบายมากครับ ไม่มีฝ้าข้างกระจกให้รำคาญเล่น
- อัลติสเป็นออโต้ปลอมครับ ฝนตกนี่หนาวไข่แข็ง บางช่วงต้องปิด A/C เพื่อลดฝ้าบนกระจกลงบ้าง ไม่งั้นมองไม่เห็นทางครับ
- วีออสไม่ต่องพูดถึง แอร์ลูกบิดบ้านๆ อยากเย็นก็หมุนขวา อยากอุ่นก็หมุนซ้าย ง่ายดี
แต่แอร์ออโต้แท้ก็มีข้อเสียครับ
1. บ้านเราเมืองร้อน บางช่วงก็ร้อนจัด แอร์ออโต้ปลอมจะให้ความเย็นเร็วมากกว่าออโต้แท้
ออโต้ปลอมสู้แดดได้ดีกว่า เพราะไม่มีลมอุ่นผสม
2. แอร์ออโต้ปลอมดูแลรักษาน้อยกว่าออโต้แท้ เพราะไม่มีท่อน้ำร้อน ไม่มีรังผึ้งฮีทเตอร์ ไม่มีชุดควบคุมประตูลมร้อน/เย็น
มีแค่ชุด Mode door / ชุดเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิหน้ารถ / ชุดเซ็นเซอร์วัดแสง / เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิห้องโดยสารเท่านั้น
ส่วนตัว ผมขับได้ทั้งคู่ครับ ขอให้แอร์เย็น น้ำยาไม่ขาด ระบบสมบูรณ์เป็นพอครับ
สรุปสั้นๆ เลยนะ
แอร์ มีสองแบบ คือ
1. มีแผงทำความเย็นอย่างเดียว
2. มีแผงทำความเย็น + ทำความร้อน
แผงทำความเย็น ก็ใช้ระบบน้ำยาแอร์ทำให้มันเย็น
แผงทำความร้อน ก็เอาน้ำร้อนจากหม้อน้ำ มาทำให้มันร้อน
ทั้งสองแผง ถูกยัดในตู้แอร์ แต่แยกส่วนกัน มีบานประตูลมข้างใน เพื่อปรับการผสมลม ร้อน + เย็น
ถ้าต้องการร้อนๆ ลมร้อนจะเปิดมากหน่อย ถ้าต้องการหนาวๆ ลมเย็นก็เปิดมากหน่อย หลักการมันมีแค่นี้
มีเทอร์โมเซ็นเซอร์ และวงจรควบคุม เพื่อให้มันผสมลมตามที่เราตั้งองศาไว้
แผงหน้าจอ มันจะดูเป็นตัวเลข เป็นปุ่มหมุน ออโต้ ไม่ออโต้ อะไรก็แล้วแต่ ไม่เกี่ยวกัน แล้วแต่การออกแบบแต่ละรุ่น
พวกแอร์แยกซ้าย ขวา ก็จะมีไอที่ว่านี้ เพิ่มมาอีกชุด แยกกัน
กลับมาที่แผงร้อน บางรุ่น ใช้วาล์วเปิดปิดปริมาณน้ำร้อน เช่น CRV
บางรุ่นไม่มี เช่น Camry ACV30 ซึ่งปรับแค่ประตูลมอย่างเดียว
แผงทำความร้อน มันอยู่ในระบบเดียวกับระบบหม้อน้ำ ซึ่งมีอายุการใช้งาน
เราเปลี่ยนหม้อน้ำ ปั๊มน้ำ วาล์วน้ำ กันมา แต่เราไม่เคยเปลี่ยนแผงร้อนในตู้แอร์เลย มันก็รั่วสิครับ
เคยเจอ Camry ACV30 ขับๆไป ไฟถุงลมโชว์ ขับๆไป น้ำหาย ขับๆไป พรมเป็นสีน้ำหล่อเย็น
เพราะแผงที่ว่านี้รั่ว แล้วน้ำมันไหลลงไปโดนกล่องถุงลม
รถผมแอร์ออโต้ปลอม ปรับ 30 ยังหนาว ต้องปิด ac ถึงขะช่วยได้
- ไม่ซีเรียส ก็อนุกรม R เข้าไปซักตัวครับ จำไม่ได้ว่า ค่าเท่าไหร่
อยากทราบการทำงานของแอร์ออโต้ที่ไม่มีฮีตเตอร์ เช่นของ MU-X ว่ามันสามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างไรครับ
- แอร์ของ Mu-x ก็เหมือน Fortuner โฉมที่แล้วครับ ไม่มีฮีตเตอร์ ปรับ 20-28 องศา ความเย็นที่ได้แทบจะก็ไม่ต่างกัน
(ถ้ารถที่มีฮีตเตอร์ปรับไปที่ 28 องศาจะเริ่มอุ่น-ร้อน) ครับ
ของ vios 2013 เป็นแบบไหนอ่ะครับ ออโต้ หนาวตลอด
- ออโต้แบบโดนตัดฮีตเตอร์ออกไปครับ แอดมินเรียกเองว่าแอร์ออโต้ปลอมครับ
สำหรับท่านที่จะถามว่ารถตัวเองเป็นออโต้แท้มั้ย ง่ายๆเลยถ้ารถท่านมีฮีตเตอร์แสดงว่าแท้ ถ้าไม่มีฮีตเตอร์ก็เก๊ ง่ายๆแค่นั้น
ใน crv ตัวโฉมสองนี่ คือ ออโตแบบลูกบิดปะครับ เพราะเห็นมีปุ่มออโต้ ทิศทางลม กับความแรงลม
รถออดี้คันก่อนผมที่มีฮีตเตอครบ ขับสบายมากครับ ไม่หนาวไป เพราะช่วงนั้นฤดูหนาว อยู่ในรถแสนสบาย
แต่หลายคนชอบถอดออกเพราะ แผงฮีตเตอในคอนโซลมันชอบรั่วครับ
ฟูลออโต้ แบบไม่มีฮีตเตอร์ ก็ทำได้นะครับ
คอมแอร์รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ใช้การแปรผันแรงอัดของคอมฯ เพื่อควบคุมความเย็นได้เหมือนกัน
อารมณ์คล้ายแอร์อินเวอร์เตอร์เลย ไม่ใช่แค่หน้าคลัทช์ตัดต่อเฉยๆ
ขอบคุณสาระดีๆ
มาจากที่นี่...