ข้อดี
1. มีเสียงดังเตือน ซึ่งของรถไม่มีเสียงเตือนถ้าขับเพลินๆๆ ไม่ได้ดูอาจจะทำให้เครื่องพังซ่อมหลายหมื่นได้
2.ในกรณีดูไฟเตือนทัน ก็เหมือนรถอาการหนักแล้วรอเข้า ICU จะขับต่อก็เสี่ยงเครื่องพัง ต้องจอดรอลากอย่างเดียว
**Digital Temp จะเตือนก่อน ไฟในรถเตือน และมีตัวเลขเตือนที่95องศาเซสเซียส ซึ่งมีระยะเวลาให้เราหาที่พักหรือที่ซ่อม โดยสามารถขับได้ไม่เกิน100องศา(อุณหภูมิน้ำเดือด)
3. เซนเซอร์จุดวัดอุณหภูมิจะใช้ของตัว Digital Temp เอง มีเซนเซอร์อีกตัวก็ย่อมปลอดภัยกว่า (ซึ่งถ้าใช้ตัวเตือนรุ่นOBD จะใช้เซนเซอร์ตัวเดียวกับรถ เมื่อมีปัญหาเซนเซอร์เสีย ทั้งหน้าปัดรถยนต์ และตัวเตือนรุ่นOBD จะไม่แจ้งเตือน)
4. เซนเซอร์ ของDigital Temp จะวัดที่โลหะที่ตัวเครื่องยนต์ ส่วนเซนเซอร์ของรถจะวัดที่น้ำหล่อเย็น ซึ่งทางร้านเคยเจอการรั่วของน้ำหล่อเย็นอย่างรวดเร็ว เช่นท่อน้ำขาด หรือหลุด เซนเซอร์ของรถยนต์จะวัดที่น้ำจะไม่เตือนถ้าไม่มีน้ำ แต่ของDigital Temp ยังสามารถเตือนได้อยู่
รถยนต์ส่วนมากในระยะประกันศูนย์ที่5ปี 100,000กม ยังเป็นรถใหม่อยู่ ยังไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการซ่อมบำรุง
มักจะมีแค่รายการเช็คระยะ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตามปกติ และยังไม่มีอุปกรณ์ ชิ้นส่วนเครื่องยนต์เสียหาย
แต่เมื่อเราใช้รถยนต์เกิน 5 ปี หรือ 100,000 กม ชิ้นส่วนต่างๆๆ จะเริ่มเสื่อมสภาพ จะเริ่มมีต้องการซ่อมบำรุง
ในการซ่อมบำรุงแต่ละครั้ง ส่วนมากจะเปลี่ยนเฉพาะชิ้นส่วนที่ชำรุดสึกหรอ และไม่ส่งผลต่อระบบอื่นที่ค่าใช้จ่ายสูง
แต่จะมีบางปัญหาที่ส่งผลกระทบทำให้เครื่องเครื่องยนต์เสียหาย เช่น ความร้อนขึ้นสูง น้ำหล่อเย็นแห้ง
ซึ่งจุดที่เกิดปัญหา เกิดได้จาก
หม้อน้ำรั่ว คอหม้อน้ำเสื่อม
พัดลมระบายความร้อนเสีย
ใบพัดลมเสีย
ท่อน้ำรั่ว
มอเตอร์พัดลมระบายความร้อนเสีย
ซึ่งค่าใช้จ่ายในการซ่อมรายการนี้ อาจจะเพียงแค่ ราคาหลักร้อยบาทถึงหลักพันบาท
แต่ถ้าเราขับจนเครื่องยนต์พัง ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ อาจจะมีราคาสูงถึง หลักหมื่นถึงแสนบาท
หรือถ้าใช้เครื่องเชียงกง ก็มีราคาหลายหมื่น ซึ่งต้องวัดดวงกับเครื่องยนต์ที่ผ่านการใช้งานโดยเราไม่รู้สภาพ
แต่จะดีกว่าไหมถ้าเมื่อเกิดปัญหา มีเสียงร้องเตือนจาก Digital Temp
ทำเราเรารู้ตัวหยุดรถก่อนที่จะเกิดปัญหาเครื่องยนต์พัง ค่าใช้จ่ายไม่บานปลาย
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ