ห้องข่าวทั่วๆไป => วิทยาลัยการบินนานาชาติ => ข่าวท้องถิ่นนครพนม => สาขาช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน => ข้อความที่เริ่มโดย: Auto Man ที่ 28 มีนาคม 2559, 08:20:57
-
มีน้องๆหลายคนถามมาใน Inbox ครับ
ว่าหากต้องการเป็น Airplane Mechanic License หรือ แม้แต่ License Engineer ควรเริ่มจากการเลือกเรียนสาขาวิศวกรรมหรือวิศวกรรมอากาศยานหรือไม่โดยน้องบางคนเข้าใจว่าการจบวิศวกรรมอากาศยาน พอจบไปจะเป็น License Engineer ได้เลย ซึ่งไม่ใช่ครับ
ผมขอร่วมแบ่งปันตามมุมมองและประสบการณ์ดังนี้ครับ
สำหรับช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน อาชีพนี้น่าสนใจมากครับสำหรับน้องๆที่รักการบินครับ อาชีพช่างอากาศยานก็มีความสำคัญไม่แพ้อาชีพนักบินเลยครับ
ขอเล่าประสบการณ์หลังจากที่เคยทำงานด้านนี้มาก่อนและเคยร่วมจัดทำหลักสูตรช่างอากาศยาน รวมทั้งเคยเป็นกรรมการวิพากย์หลักสูตรนี้ให้กับทางมหาวิทยาลัยครับ
ช่างอากาศยานทุกคน ก็ต้องมีเป้าหมายเป็น license engineer ซึ่งก็คืช่างอากาศยานที่มีความชำนาญเฉพาะแบบกับเครื่องบินโดยสารครับ ซึ่งคล้ายกับ Type Rating ในเครื่องบินโดยสารไอพ่นของนักบินนั่นเองครับ
เส้นทางของ License engineer ทุกคนก็ต้องเริ่มต้นจาก Aircraft mechanics license ก่อนครับ มีอย่างไรบ้าง
1.จบสถาบันในหลักสูตรที่กรมการบินพลเรือนรับรอง ในปัจจุบันก็คือสถาบันการบินพลเรือนหลังจากนั้นต้องทำงานใน Air operator หรือ Repair station เป็นเวลา 1 ปี จากเมื่อก่อนต้องทำงานสองปีครับ ตอนนี้ลดลง 1 ปีสำหรับผู้ที่จบหลักสูตร Aircraft maintenance หรือ AM จากสถาบันการบินพลเรือนเท่านั้นครับ
และเมื่อทางบริษัทออกหนังสือรับรองประสบการณ์ให้ จึงมีสิทธ์ในการสอบ Aircraft mechanics license ครับ
2.จบจากสถาบันที่กรมการบินพลเรือนไม่ได้รับรองหลักสูตร จากนั้นเช่นเดียวกันครับ เข้าทำงานใน Air operator หรือ Repair station เป็นเวลา 4 ปีครับ เป็นเวลาที่ค่อนข้างนานทีเดียว เช่นเดียวกันครับเมื่อทางบริษัทออกหนังสือรับรองประสบการณ์ให้ จึงมีสิทธ์ในการสอบ Aircraft mechanics license ครับ
จากนั้นเมื่อมี license ช่างอากาศยานซึ่งเป็นการผ่านด่านก้าวแรกแล้ว ก็จะทำงานในสายการบินเก็บประสบการณ์และสอบแข่งขันกันในสายการบินเพื่อเข้าเรียนช่างอากาศยานที่มีความชำนาญเฉพาะแบบกับเครื่องบินโดยสารไอพ่นเช่น Boeing 737 หรือ Airbus A 320 ครับ ซึ่งถ้าผ่านหลักสูตร ภาควิชาการและปฏิบัติ ผ่านการสอบจากกรมการบินพลเรือน ก็จะมีการประทับความชำนาญลงใน license และจะเรียกชื่อใหม่เป็น license Enginner ครับ ก็จะถึงจุดมุ่งหมายของคนที่ปฏิบัติงานในสายอาชีพนี้ครับ ซึ่งรายได้ดีถึงดีมากๆครับ ขึ้นกับสายการบิน ประสบการณ์ ความชำนาญครับ
จะเห็นว่าเส้นทางที่สองจึงมีน้องๆหลายคนที่อยากเป็นช่างอากาศยานฟโดยเริ่มต้นจากการเรียนเรียนวิศวกรรมรวมทั้งวิศวกรรมอากาศยานมา ซึ่งต้องเข้าทำงานในสายการบินให้ได้ก่อน และต้องทำงานเก็บประสบการณ์ 4 ปีจึงสามารถสอบ license ช่างอากาศยานซึ่งเป็นด่านแรกได้ครับ นั่นหมายความว่าน้องต้องใช้เวลาถึงแปดปีครับจึงจะสอบ license ช่างได้ครับ ก็ต้องพิจารณากันถึงความคุ้มค้าในรายจ่ายและเรื่องเวลาด้วยครับ
เพราะการนำเอาระบบการศึกษาแบบ Education กับ Technician มารวมกันอาจทำให้ใช้เวลานานเกินไปครับ เพราะ qualification หรือคุณสมบัติที่สายการบินต้องการคือมี license ช่างครับ ไม่ใช่จบวิศวกรรมครับ คนที่ทำงานกับเครื่องบินหลักคือต้องมี license ช่างครับจึงมีสิทธิในการเซ็นรับรองการซ่อมได้ครับ ซึ่งต่างจากใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมหรือ กว.ที่ใช้ในการเซ็นรับรองแบบครับ และอีกข้อที่เป็นความจริงซึ่งสำคัญมากคือในประเทศไทยยังไม่มีโรงงานผลิตเครื่องบินเหมือนแอร์บัสในฝรั่งเศสหรือโบอิ้งในอเมริกาครับ
ขอแบ่งปันประสบการณ์ตรงจากคนที่จบวิศวกรรมอากาศยานและการบินครับ เราเรียนกันลึกมาก ลึกจนกระทั่งสมการทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ออกแบบแพนอากาศของอากาศยานครับ เราเรียนขนาดแผนแบบอากาศยาน เลือกแพนอากาศ สร้างปีก ทดสอบอุโมงค์ลม จนกระทั่งทำออกแบบอากาศยานออกมาเป็นลำครับ ซึ่งเข้ามาความจริงเดิมครับ บ้านเราไม่มีโรงงานที่ออกแบบและผลิตเครื่องบินครับ ความรู้ดังกล่างจึงเป็นความรู้พื้นฐานในการปฏิบัติงานครับ เป็นความรู้พื้นฐานที่ดีมากครับ แต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้มากนักในการปฏิบัติงานในบ้านเราซึ่งเน้นการซ่อมและการแก้ปัญหาหรือ trouble shooting ครับ
กลับมาเรื่องช่างอากาศยาน ลองมาดูกรณีศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาครับที่ผมเคยไปเรียนมา
ช่างอากาศยานของ FAA แบ่งกันครับ Airframe และ Powerplant ครับ ช่าง Airframe ก็ซ่อมเครื่องบินและระบบพื้นฐานอย่างเดียวและ Powerplant ก็ซ่อมเครื่องยนต์อย่างเดียวครับ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วที่อเมริกาเขานิยมเรียนทั้งสองอย่างครับเพื่อให้ซ่อมเครื่องบินได้ทั้ง Airframe และ Powerplant หรือที่เรียกว่า A and P ครับ
มาเส้นทางของ FAA Aircraft Maintenance Technician หรือ AMT ซึ่งเป็นด่านแรกของคนที่จะทำงานเส้นทางนี้กันครับ
1. จบสถาบันที่สอนหลักสูตรซ่อมบำรุงอากาศยานที่ได้รับการรับรองจาก FAA ครับ ตามมาตรฐาน Federal Aviatio Regulation FAR 147 ครับ แต่ลองมาดูเส้นทางและความได้เปรียบนะครับ FAA กำหนดไว้ว่าผู้ที่จบหลักสูตรที่ FAA รับรองตาม FAR 147 โดยมีชั่วโมงภาควิชาการและชั่วโมงการปฏิบัติงานใน shop ซึ่งเน้นมาก จะสามารถสอบ FAA AMT หรือช่างอากาศยานของ FAA ได้เลยครับ ทำให้ปัญหาเรื่องระยะเวลาและความกังวลว่าจะได้งานในสายการบินหรือไม่หมดไปครับ เพราะในบ้านเราอย่างไรก็ตามต้องมีประสบการณ์การทำงานในสายการบินก่อนไม่ว่าจะเป็น 2ปีในหลักสูตรที่ บพ.รับรองหรือ 4 ปีในหลักสูตรที่ บพ.ไม่ได้รับรองครับ สำหรับค่าเรียน FAA AMT ก็จะแตกต่างกันตามสถาบันครับ โดยถ้าเป็นรัฐเช่น Community College ก็ประมาณห้าแสนกว่าบาทโดยสามารถเก็บหน่วยกิต ถ้าวางแผนจะเรียนปริญญาตรีต่อไปครับ แต่ถ้าเป็นสถาบันเอกชนก็จะประมาณแปดแสนกว่าบาทครับ
2. อีกเส้นทางหนึ่งซึ่ง FAA ได้กำหนดไว้คือการปฏิบัติงานใน Repair station หรือ Air operator กับ FAA AMT เป็นเวลาสองปีครับก็สามารถสอบ FAA AMT ได้เช่นเดียวกันครับ แต่เส้นทางนี้ ยากมากและแทบเป็นไปไม่ได้สำหรับคนต่างชาติครับ
แต่ข้อได้เปรียบของ FAA AMT ซึ่งได้เปรียบมากๆ ก็คือเรื่องความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษครับ เพราะภาษาอังกฤษแทบจะเป็นหัวใจของการสื่อสารในการซ่อมบำรุงอากาศยานเลยครับ คู่มือในการซ่อมบำรุงอากาศยานต่างๆ Maintenance manual,Airworthiness Directive,Service Bulletine หรือแม้แต่ checklist รายการตรวจก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดครับ
และหาก FAA AMT สามารถมีความชำนาญเฉพาะแบบกับเครื่องบินโดยสารหรือเป็น License Engineer แล้ว ความต้องการบุคลากรกลุ่มนี้มีมาจากทั่วโลกครับ เพราะน้องๆผ่านปราการสำคัญเรื่องภาษาเรียบร้อยแล้วครับ ผมขอให้ข้อมูลไว้เป็นข้อพิจารณาจากความรู้และประสบการณ์ที่มีครับ
ส่งท้ายครับหากประเทศไทยต้องการเป็นศูนย์กลางการบินและโดยเฉพาะการเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแล้ว สิ่งสำคัญไม่ใช่โรงงานซ่อมครับ ตรงนั้นใช้เงินในการเนรมิตได้ แต่ช่างซ่อมบำรุงอากาศยานที่ทำงานในศูนย์ซ่อมครับที่เราต้องเร่งผลิต
กลับมามองในบ้านเราสถาบันที่เปิดคือสถาบันการบินพลเรือนซึ่งผู้ที่จบการศึกษาในแต่ละปียังมีจำนวนที่จำกัดมากครับหรือหากมหาวิทยาลับยหรือผู้ที่สนใจจะทำสถาบันแห่งที่สองขอให้ข้อมูลเลยครับว่า shop และ handtool specialtool ใช้งบประมาณการลงทุนที่สูงมากครับ ทำให้ปัญหาของจำนวนช่างอากาศยานที่เข้ามาสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินยังคงเป็นที่พิจารณากันต่อไปครับ
ซึ่งในเรื่องความได้เปรียบในเรื่องของเวลาในการเรียนและการสอบ license ได้ทันทีหลังเรียนจบ เราน่าจะเริ่มพิจารณาในการส่งผู้ที่สนใจไปเรียนยังสถาบัน AMT FAR 147 ในประเทศอเมริกาครับซึ่งเราจะได้ทั้งช่างอากาศยานที่มีทั้งคุณภาพและเก่งภาษาอังกฤษจากต่างประเทศครับ
ฝากเป็นข้อพิจารณาให้กับน้องๆที่สนใจรวมทั้งผู้มีอำนาจในการผลักดันอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยในระดับนโยบายครับ
โดย : Somchanok Tiamtiabrat
เห็นด้วยกับคุณ somchanok ผมจบ aero eng จากอังกฤษมา 30 กว่าปีแล้ว บ้านเราเพิ่งเริ่มแล้วก็เริ่มแบบผิดทิศผิดทาง เอาแต่กฏทฤษฎีให้ได้ปริญาตรี เอามาทำไมไม่รู้หากินไม่ได้เพราะบ้านเราไม่ใช่แหล่งผลิตเครื่องบินหรือแม้แต่ชิ้นส่วนเครื่องบินยังทำไม่ได้เลย เราต้องการคนในส่วนของปฏิบัติการครับผมเห็นด้วยอย่างแรง สำหรับคนรวยเจ้าของโรงงานน่าจะดูเรื่องนี้สักนิดนะครับ http://arsa.org/pma-singapore/
โดย : Chan Jullajak
มาจากที่นี่ https://www.facebook.com/thaimisspilot/posts/1661543454093747