ปาดฝาประสาอะไรทำไมทำไม่จบ...???
* เก่ง รู้มาก เกรียน ไม่ต้องอ่านครับข้ามไปเลยภาษาไทยบอกชัดเจน กรุณาอย่าไร้มารยาท
เล่าต่อเรื่องการปาดฝา
หลายที่แก้อาการเครื่องร้อนด้วยการปาดฝา
แต่ปาดฝามีหลายประเภทครับ......
1.ปาดฝาเพราะเครื่องเคยร้อนฮีตมาอาการยอดฮิต สำหรับคนไม่ดูแลเครื่อง
หรือเกิดปัญหาแล้วใช้โดยไม่รู้
เช่น แคทตาไลติคตันจนร้อนสะสม
หม้อน้ำตันระบายไม่ทัน
พัดลมหม้อน้ำหมุนไม่แรงพอ
ฝาหม้อน้ำไม่ดี
หม้อน้ำรั่ว
รีเลย์พัดลมเสีย
เซนเซอร์ความร้อนน้ำไม่สั่งพัดลม ฯลฯ
สารพัดการปาดเพื่อแก้อาการฝาโก่ง
เครื่องฮีต ความร้อนสะสม
น้ำข้ามปะเก็น กำลังอัดรั่วข้ามปะเก็นนั่นล่ะครับ
น้ำมันเครื่องสีกาแฟนม
น้ำหม้อน้ำพุ่งพรวดฟองเพียบ
จึงต้องปาดฝาแก้ปัญหา.....
2.ปาดฝาเพื่อให้แรง มุมนี้ฮิตทำกันเยอะ
ก็พวกล่อปาดแต่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรให้เหมาะสม
ส่วนมากร้อนจนขับไม่ได้ แช่ไม่ได้
จาก อยากแรง เป็น อยากจอด !!!
เครียดกันไปทีเดียวพวกปาดมั่ว....
งานแบบนี้ถ้าคำนวณไม่เป็นก็พัง
วิ่งแปปเดียวเครื่องร้อน แช่ไม่ได้จนหลอน
แต่ถ้าคำนวณเป็น Modifyเป็น แก้ได้ครบทุกมุม
ถึงจะปาด 1 - 2 mm ก็ไม่กลัว
( ก็ที่เห็นแรงๆในเพจปาด1-2mm ทำport นั่นล่ะ )
เพราะมันคือการ overspec จากสิ่งที่เค้าเป็น
ปาดมั่วแมร่งร้อน ปาดมั่วแมร่งพังทิ้งเครื่อง100%
มาเล่ากันต่อ...ถึงมุมการปาดฝาเพื่อแก้ปัญหาเครื่องฮีต
ที่ช่างมั่วๆ ชอบพูดว่าปาดแล้วไม่จบ จริงหรือ ?
ซื้อเครื่องใหม่จบกว่า จริงหรือ ?คำตอบคือ....ปาดฝาเรียบ ขันน๊อตไม่ได้ spec มันก็ไม่จบ !
ปาดฝาเรียบ แต่ฝาร้าวในประกบไป มันก็ไม่จบ !
ปาดฝาเรียบ ใช้ปะเก็นปลอมหนา ๆ มันก็ไม่จบ !
ปาดฝาเรียบ แต่เสื้อสูบโก่งปาด100รอบก็ไม่จบ !
ปาดฝาเรียบ ไม่เช็ควาล์วน้ำ หม้อน้ำ พัดลม รีเลย์
เซนเซอร์ ท่อน้ำ ปั๊มน้ำ ฝาหม้อน้ำ ฯลฯ
ปาดฝาเรียบแทบตาย ไม่ไล่ส่วนอื่นมันก็ไม่จบสิ่พี่ !!!
จริงแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องมันแก้ให้จบได้แต่แค่ขั้นตอนมันเยอะ ค่าใช้จ่ายมันหลายจุด
ซึ่งแพงแต่มันจบตรงที่ได้ไล่สมบูรณ์
ถึงซื้อเครื่องใหม่มาใส่แต่...... หม้อน้ำตัน พัดลมไม่หมุน มันจะหายร้อนไหม ?
ปาดฝาไป 100 รอบแต่เสื้อสูบโก่ง มันก็ไม่หาย
ถ้าไม่ยกเสื้อมาปาดให้เรียบร้อย
ปาดฝาเรียบ ปาดเสื้อเรียบ ใส่ปะเก็นหนา
กำลังอัดหายมันก็ยิ่งโคตรอืด
ปาดฝาเรียบ ปาดเสื้อเรียบ ใส่ปะเก็นแท้
แต่ขันฝาไม่ได้ spec แปปเดียวก็โก่งต่อ
เพราะมันไม่ได้ค่าตึงรั้ง....
หลายกรณีที่อ้างบอกว่าปาดฝาแล้วไม่จบ
" แท้จริงคือทำไม่ครบต่างหาก "
แล้วปัญหาก็ตกกับเจ้าของรถซ่อมกันจนเครียด
ต้องไปหาข้อมูลลองอีกสองสามอู่กว่าจะจบ
หรือหนักหน่อยตรอมใจขายรถทิ้งกันเลยทีเดียว
เพียงเพราะเจอคนทำ " แก้ไม่ตรงจุด "- ปาดฝาเรียบ
- เช็ครั่วฝาสูบ
- เช็คระยะวาล์ว
- เช็คหน้าเรียบเสื้อสูบ
- ปาดหน้าเรียบเสื้อสูบ
- ประกอบ spec ทั้งตัว
- ไล่หาต้นทางปัญหา
- ท่อน้ำผุไหม
- สปริงฝาสูบล้าจากความร้อนไหม
- แหวนลูกสูบน่วมไหม
- หม้อน้ำรั่ว ตัน ระบายไม่ทันไหม
- พัดลมแรงไหม รอบตกไหม
- วาล์วน้ำเสียไหม
- ปั๊มน้ำรั่วไหม
- รีเลย์พัดลมสั่งไหม
- เซนเซอร์ฝังหม้อน้ำเสียไหม
- แคทตาไลติคตันไหม
- ท่อไอเสียอั้นจนร้อนไหม
- หัวฉีดจ่ายปกติหรือไม่
- ปั๊มติ๊กถอยไหม
- O2 วัดค่าคุมจ่ายผิดปกติหรือไม่
- สุดท้ายหาปัญหาแล้วแก้ครบไหม....
ถ้าคุณไล่หาปัญหาแล้วแก้จนจบประกอบ spec กางตำราแบบที่ engineer ออกแบบไม่ใช่ขันมั่ว ฟังเค้ามาทำ
อ้างว่าเปิดมานานทำมาเป็น 10-20 ปี ราคาคุยเยอะ
( คนประเภทอวดอ้างสรรพคุณนี่ล่ะเจอบ่อย )
ทำตามการออกแบบกับเครื่องตัวนั้นมายังไงก็จบ
เมื่อคุณทำได้ครบรอบตัวตามที่กล่าว
มันก็คือเครื่องที่พร้อมกลับมาใช้งานได้ 100%
ตามเดิมที่คุณเคยสัมผัสนั่นล่ะครับ...
สาระนี้แชร์ได้ครับไม่หวง มีประโยชน์ก็จัดไป
Like เป็นการแสดงมารยาทและกำลังใจให้กัน