หมวดวิศวกรรม/เทคโนโลยียานยนต์ => ห้องซ่อมรถจักรยานยนต์ => ห้องซ่อม (Service Shop) => ซ่อมรถหัวฉีด => ข้อความที่เริ่มโดย: Auto Man ที่ 28 กันยายน 2560, 14:04:22
-
รถยังไม่ว่างมาตรวจเช็ค แต่แจ้งอาการมาก่อนว่า จอดรถทิ้งไว้ทั้งคืน มาตอนเช้าต้องสตาร์ทกันหลายครั้ง มันเป็นที่อะไรกัน
สอบถามอะไร ๆ ก็ดีหมด แต่ถ้าได้ติดได้แล้ว ทิ้งไว้นานไม่เป็นไร ติดง่าย แต่ถ้ามีข้ามคืนจะติดยาก ว่ามาอย่างนั้น
จั่วหัวไว้ก่อน เดี๋ยวรถมาค่อยว่ากัน
เตรียมอุปกรณ์ไว้แล้ว
- หัวเทียนใหม่ไว้ลอง
- ฯลฯ
-
รถมาเมื่อวาน (29 ก.ย. 60) มาซะเกือบหกโมงเย็น เป็นเวฟ 110 ไอ สเต็ปที่ 3 คำว่าสเต็ป (Step = ขั้น/รุ่น)
หมายถึงเป็นหัวฉีด PGM-Fi รุ่นที่ 3 ของฮอนด้า (มอเตอร์ไซค์) รุ่นนี้ต่างจากรุ่นที่ 2 คือ
- เอาตัวตรวจจับการเอียงของรถในรุ่นที่ 2 ออกไป แล้วแทนด้วย ออกซิเจนเซนเซอร์ ตำแหน่งติดตั้งอยู่ก่อน
ออกท่อไอเสียที่ฝาสูบ ดูด้วยสายตาจะอยู่ล่างปลั๊กหัวเทียนลงไป
- จำได้ก็ประมาณนี้มั๊ง...
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62304640)
วิ่งมาแล้ว 32,558 โล
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62304641)
-
ตรวจสภาพเบื้องต้นด้วยการ...
1. เปิดสวิทช์กุญแจ สังเกตุไฟเช็คเอนจิ้น และฟังเสียงการทำงานของปั๊มเชื้อเพลิง
- ไฟเช็คเอนจิ้นติดสว่างไม่เต็มที่ประมาณ 2 วิ แล้วดับ
- เสียงการทำงานของปั๊ม หมุนทำงานเหมือนทำงานไม่เต็มที่/หมุนช้า
- พบลักษณะของไฟเกียร์ว่าง ติดสว่างบ้างไม่สว่างเต็มที่บ้าง
- ลองบีบแตร แตรไม่ทำงาน , เปิดไฟเลี้ยว ไฟเลี้ยวไม่ทำงาน
- พอจะเริ่มมองต้นเหตุของปัญหาออกล่ะ
2. เปิดเบาะ ใช้ตัวทีเบอร์ 10 คลายฝาครอบปิดปั๊มเชื้อเพลิง และถอดปลั๊กไฟเลี้ยงปั๊ม เปิดสวิทช์กุญแจ สตาร์ทเครื่อง
ปรากฏว่าเครื่องไม่สามารถติดได้ แสดงว่าแรงดันปั๊มไม่มีหรือว่าแรงดันเหลือน้อย จึงปลดท่อน้ำมันที่ออกจากปั๊มแล้ว
ประกอบเกจวัดแรงดันเชื้อเพลิงเข้าไปในระบบ จากนั้นเปิดสวิทช์กุญแจเพื่อให้ปั๊มทำงาน ซึ่งปั๊มจะทำงาน 2 วิแล้วหยุด
เปิดกุญแจครั้งที่ 1 ได้แรงดันประมาณ 20 ปอนด์/ตารางนิ้วแค่นั้นเอง จากนั้นปิดสวิทช์และเปิดใหม่ แรงดันก็ยังคงได้เท่าเดิมอยู่
แสดงว่า เมื่อจอดรถทิ้งไว้ข้ามคืน แรงดันเชื้อเพลิงในระบบตกลง เมื่อเปิดกุญแจ ปั๊มจะทำงานสร้างแรงดันได้ไม่พอนั่นเอง
ประกอบกับแบตเตอรี่ไม่ดี เก็บไฟไม่ค่อยอยู่พอเช้ามาแรงดันไฟจะตกลงไปอีก ทำให้แรงดันน้ำมันไม่พอใช้งานนั่นเอง
3. จากนั้นลองสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยคันสตาร์ท (คันนี้สตาร์ทเท้าอย่างเดียว) รถก็ติดได้ง่ายเหมือนกัน แรงดันน้ำมันเพิ่มมาเป็น
43 ปอนด์/ตารางนิ้ว ทดลองเร่งเครื่องในรอบสูงๆ แรงดันน้ำมันสร้างได้ไม่มีปัญหาแรงดันตกแต่อย่างใด
4. ทดลองดับเครื่องยนต์ และสังเกตุว่าระบบสามารถรักษาแรงดันน้ำมันในระบบเชื้อเพลิงได้หรือไม่ ปรากฏว่า หลังการดับเครื่อง
เข็มของเกจวัดตกลงเพียงเล็กน้อยแค่นั้นเอง ซึ่งสรุปได้ว่า ปั๊มดี หัวฉีดไม่รั่ว ท่อทางน้ำมันไม่รั่ว
ทำไมต้องเน้นตรวจระบบเชื้อเพลิง เพราะว่ารุ่นนี้โดยเฉพาะ เวฟ 110 ไอ สเต็ปที่ 4 มีปัญหา
ในเรื่องของปั๊มเชื้อเพลิงไม่สามารถสร้างแรงดันได้ถึง 43 ปอนด์/ตารางนิ้ว ส่วนมากจะได้ประมาณ 20 กว่าแค่นั้นเอง ทำให้เร่งไม่ขึ้น
และอีกปัญหาหนึ่งคือ หัวฉีดฉีดน้ำมันได้น้อยลง เหมือนมีการอุดตันบางส่วน
-
เลยถอดแบตเตอรี่ ออกมาเพื่อทำการชาร์จไฟ เครื่องชาร์จตัวนี้เป็นระบบสลายซัลเฟตในตัว
มีตัวเลขดิจิตอลบอกค่าแรงดันไฟของแบตเตอรี่ก่อน หรือหลังชาร์จได้ พบว่ามีแรงดันไฟฟ้าเพียง
10.8 โวลท์ แค่นั้นเองซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่ประมาณ 12.4 โวลท์
และเมื่อเริ่มทำการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ เครื่องชาร์จจะแสดงการชาร์จว่าเริ่มที่กี่เปอร์เซนต์ ปกติ
ถ้าแบตเตอรี่มีสภาพดี แต่ว่าไฟอ่อน เช่น วัดแรงดันไฟได้ 12.2 โวลท์ เมื่อเริ่มชาร์จอาจจะเริ่มที่
90 กว่าเปอร์เซนต์ขึ้นไป แต่ถ้าแบตมีปัญหาจะเริ่มที่ 0 เปอร์เซนต์ แล้วค่อยเพิ่มขึ้นไป ถ้าแบตเก่าเสีย
จะไม่ไปไหนมาไหน ปริมาณไฟจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 เปอร์เซนต์แค่นั้นเอง แสดงว่าแบตมีปัญหา
แบตลูกนี้ก็เช่นกัน เริ่มชาร์จแสดงที่ 0 % และพอทิ้งไว้สัก 1-2 ชั่วโมง กลับมาดูอีกที แบตอยู่ใน
สภาพนี้เลย 5 5 5
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62304642)
ถ้าเป็นลักษณะนี้แสดงว่าแบตมีการลัดวงจรภายในเซลล์หนึ่งเซลล์ใด ต้องเปลี่ยนแบตลูกใหม่แล้วล่ะ
-
ก็ไม่รู้ใช่แบตติดรถมาไหม หรือเคยเปลี่ยนใหม่มาแล้ว
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62304643)
-
พอดีมีแบตสำรองอยู่ลูกหนึ่งที่ใช้มาแล้วประมาณ 2 ปี แต่ว่าดูแลรักษาดี น่าจะไปได้อีกเป็นปีสองปี เลยนำมาใส่แทนให้
ดูการทำงานของระบบทั้งหมด ทำงานได้ดีไม่ว่าจะเป็นไฟเลี้ยว แตร ไฟบอกเกียร์ แต่ว่าไฟบอกเกียร์ 3 กับเกียร์ 4 ไม่ติด
น่าจะเกิดจากหลอดไฟเกียร์นั้นๆ ขาด
เสียงปั๊มทำงานดี ไม่มีงึกๆ งักๆ ไฟเช็คเอนจิ้นดี ติดแล้วดับ
มองลอดช่องไปตรงเครื่องยนต์ เลยจ๊ะเอ๋กับชุดเซนเซอร์ เลยรู้ว่ารถคันนี้เป็น Wave110i Step 3
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62304644)
-
เตรียมเครื่องมือสแกนรถมอไซค์ไว้ เป็นยี่ห้อนี้เลย Doctor API เป็นของคนไทยเราประดิษฐ์ เลยอุดหนุนกันใช้ดีครับ
ใครยังไม่มีรีบจัดหาเลย ราคาประมาณ 3,500 บาท แนะนำเอาเป็นใช้กับรถฮอนด้าก่อน เพราะจะได้ใช้ได้เยอะ
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
- จับดูปริมาณการฉีดที่รอบเดินเบาได้ ประมาณ 2.2-2.5 มิลลิเซค แสดงว่าอุณหภูมิเครื่องได้ที่แล้ว
ถือว่าปริมาณการฉีดนี้ประหยัดเลยทีเดียว
- ดูอัตราส่วนผสมที่รอบเดินเบา อยู่ที่ 10:1 พอเร่งเครื่องไปสัก 3-4 พันรอบ ได้ประมาณ 15:1
- ลองดูว่ามีโค๊ดปัญหาหรือไม่ในกล่อง ECM ปรากฏว่าไม่มีแต่อย่างใด
- ....
ก็จบการรายงานผลไว้เพียงเท่านี้... ใครมีอะไรอยากสอบถามเพิ่มเติมก็ว่ามาได้ ตอบได้ก็จะตอบให้ครับ
อยากให้สมาชิกทุกท่านที่มีประสบการณ์การซ่อม ได้นำประสบการณ์นั้นมาแบ่งปันกันครับ ให้สมกับสโลแกน
ของเว็บที่ว่า " ฮักแพง แบ่งปันกันคือเก่าเด้อ "
-
PGM-FI STEP 3 กับ STEP 4 มันต่างกันยังไงครับอาจารย์
-
กำลังศึกษาอยู่ครับ ซื้อเครื่องมือหมดไปหลายตังค์ครับ
(ขออนุญาตปรับขนาดภาพ -เพื่อให้ดูง่าย /Auto Man)
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62302735)
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62302736)
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/62302737)
-
กำลังศึกษาอยู่ครับ ซื้อเครื่องมือหมดไปหลายตังค์ครับ
(ขออนุญาตปรับขนาดภาพ -เพื่อให้ดูง่าย /Auto Man)
เครื่องมือก็มีพร้อมแล้ว ยังจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ ลุยเลย เริ่มจากการซ่อมรถที่อยู่รอบๆ ตัวเรา
- รถเราเอง รถญาติพี่น้อง รถเพื่อน รถเพื่อนของเพื่อน
- พอมีชื่อเสียง เดี๋ยวงานจะมาเอง ค่าแรงตอนแรกไม่ได้ แต่ได้เป็นอย่างอื่นโดยเราไม่ต้องเป็นคนซื้อ..5 5 5
- รับงานก็พอได้สตางค์ครับ ไม่คิดเป็นการค้าก็ได้ แต่เราทำแล้วสบายใจ มีความสุขกับมัน
ติดขัดอะไร เดี๋ยวช่วยอีกแรง ปัญหามีไว้แก้ครับ มีหลายวิธีแก้... ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนๆ กัน
แต่ขอให้มีขั้นมีตอนในการวิเคราะห์ปัญหา จะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด ทุกปัญหามีที่มาที่ไป
การปฏิบัติ ควรมีการเก็บข้อมูลเดิมก่อนลงมือแก้ไข
สุดท้ายอย่าลืมนำประสบการณ์ของตนเอง มาแบ่งปันให้เพื่อนสมาชิกครับ
-
PGM-FI STEP 3 กับ STEP 4 มันต่างกันยังไงครับอาจารย์
มันต่างกันที่ Honda พยายามลดต้นทุนในการผลิตระบบ PGM-Fi ครับ รถดีๆ แพงๆ ระบบมันก็เป็น Step 2 + Step 3
- Step 1 ไม่อยากพูดถึง แต่กล่าวไว้สักเล็กน้อยละกันว่า มีใช้เฉพาะรุ่นเดียว รุ่นแรกที่นำหัวฉีดมาใช้ในรถมอไซค์ คือ
- Honda Wave 125 i
- Step 2 ยังคงเป็นรถ Wave 125 i ที่ทำระบบแยกกล่อง ECM ไปต่างหาก ออกจากเรือนลิ้นเร่ง ทำปั๊มเชื้อเพลิงแบบ
เป็นท่อน้ำมันออกมาเป็นเส้นเดียว ระบบวายริ่งสายไฟ ต่างจากรุ่นแรก อาจเรียกว่าเกือบสิ้นเชิง ขอดีของ Step 2
คือมีเซนเซอร์เกือบครบถ้วน ขาดอยู่ตัวเดียวคือออกซิเจนเซนเซอร์ ซึ่งสำคัญซะด้วย
- Step 3 มีใช้กันกับรถฮอนด้าหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น CZ-i , Wave110i อย่างคันที่ซ่อมในกระทู้นี้ , Wave 125 i
ถามว่า Step 3 ต่างกับ Step 2 ยังไง
- Step 3 เริ่มใช้ตัวออกซิเจนเซนเซอร์ ซึ่ง Step 2 ไม่มี (เตรียมพื้นที่ไว้บนฝาสูบ -แต่ยังไม่ทำมา)
- Step 2 มีตัวตรวจจับการเอียงของรถ เวลารถล้ม ระบบจะตัดไฟทำให้เครื่องดับ -เป็นระบบเพื่อความปลอดภัย ไม่เกี่ยวกับสมรรถนะ
- ฮอนด้าเลยจำใจตัดตัวตรวจจับการเอียงออก แล้วมาเพิ่มออกซิเจนเซนเซอร์แทน ถ้าจะไม่ได้ทำได้ไหม ทำได้และยิ่งดีด้วย แต่
ต้นทุนจะแพงขึ้น ซึ่งจะหมายถึงราคาขายที่เพิ่มขึ้นด้วย
- Step 4 เป็นเวอร์ชั่นที่ลดต้นทุนการผลิตสุดๆ ด้วยการตัดเซนเซอร์ออก 2 ตัว ตัวที่สำคัญหนึ่งตัวในนั้นก็คือ ตัวตรวจจับแรงดันอากาศ
ในท่อร่วมไอดี ซึ่งตัวเซนเซอร์ตัวนี้สำคัญมากในระบบเชื้อเพลิง เพราะจะทำให้เรารู้ว่าอากาศเข้าเครื่องยนต์มากน้อยยังไง จะได้ฉีด/
จ่ายเชื้อเพลิงให้เหมาะสมกันได้ แล้วฮอนด้าทำไงถึงให้รถทำงานได้โดยไม่มีเจ้า MAP Sensor ก็คือการโปรแกรมอากาศเข้าไปโดย
อ้างอิงกับ TP Sensor ร่วมกับ CKP Sensor หรือว่าอ้างอิงตามการบิดคันเร่งมากหรือน้อย
- บิดมาก.....องศา อากาศ น่าจะ......กรัม/... ที่รอบเท่านี้ ประมาณนี้ แต่ระบบนี้มีความอ่อนไหว เมื่อนำรถไปใช้ในที่สูงๆ
ดังนั้นระบบการเซ็ทโหมดให้กับกล่อง ECM จึงเกิดขึ้นในรถจักรยานยนต์ฮอนด้า Step 4 ซึ่งโหมดนี้เมื่อเราปรับตั้งไปแล้ว
อาจจะมีการรวน เปลี่ยนโหมดได้เอง จนเหตุให้รถวิ่งไม่ออก บิดได้ไม่สุด
- เซนเซอร์อีกตัวหนึ่งที่โดนตัดออกไปคือ IAT Sensor ตัวนี้ไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่ แต่ถ้ามีได้ก็จะดี การผสมเชื้อเพลิงจะทำได้
ละเอียดขึ้น
- Step 5 ก็น่าจะเป็นระบบสตาร์ทเงียบ , ระบบ Idleling Stop ประมาณนั้น หรืออาจเป็นระบบกันขโมย ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์
แบบไม่ต้องใช้ลูกกุญแจ ในรถรุ่นใหม่ๆ
-
-OOO- (( (( ((
-
ปิดงานไปล่ะ... เจ้าของชอบใจ ตอนเช้าสตาร์ทครั้งเดียวติด ปกติแล้วครับ
มารายงานผลให้ทราบ
อย่าลืมว่าแบตเตอรี่เป็นแหล่งพลัง ในการทำงานของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ไม่ควรละเลย หรือมองข้าม
เปลี่ยนแบตใหม่แล้ว อย่าลืมลงบันทึก ว.ด.ป. ที่ซื้อมาไว้ที่แบตด้วย จะได้รู้ และควรใช้รถให้สม่ำเสมอ
ไม่ควรจอดทิ้งไว้นาน หรือควรเวอร์มเครื่องบ้าง อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง