หมวดวิศวกรรม/เทคโนโลยียานยนต์ => ห้องซ่อมรถจักรยานยนต์ => ห้องซ่อม (Service Shop) => ซ่อมรถหัวฉีด => ข้อความที่เริ่มโดย: Auto Man ที่ 22 ตุลาคม 2560, 09:14:58
-
เมื่อวันศุกร์ได้ลงสอน ปวช.2 ก.1 ในสัปดาห์แรกของการเปิดเรียน ได้แนะนำในเรื่องของการตรวจวัดกำลังอัดของเครื่องยนต์ เพื่อการวินิจฉัยปัญหา จะได้แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ถูกต้องไม่เสียเวลา เครื่องไม่บอบช้ำ
ในระหว่างที่ทำการวัดกำลังอัดของเครื่องยนต์เป็นเครื่องฝึกบนแท่น ก็มีนักเรียนในกลุ่มบอกว่า รถมอเตอร์ไซค์ของเขาต้องการ
ทดสอบวัดกำลังอัดด้วย เพราะว่าตอนนี้ระหว่างที่ขี่มอเตอร์ไซค์คันนี้มาโรงเรียน มีควันขาวออกมาทางปลายท่อไอเสีย และเมื่อวัดระดับปริมาณน้ำมันเครื่อง ปรากกฏว่ามีการลดระดับลง
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
(http://upic.me/show/61689882)
เลยอนุญาตให้นำรถมาทดสอบวัดกำลังอัด ดูจากสภาพภายนอกแล้ว สภาพค่อนข้างจะดูใหม่ เมื่อดูระยะทางที่รถวิ่งได้ประมาณ 25,000 กม. ถือว่าน้อยอยู่ แต่ว่าเจ้าของรถบอกว่าเข็มไมล์ตายแล้ว และมีนักเรียนอีกคนที่ใช้รถรุ่นเดียวกันของเขาก็เข็มตายเหมือนกัน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรือนไมล์นะจ๊ะ...ลูกศิษย์ แต่มันอยู่ที่สายไมล์ต่างหาก มันอาจะขาดไปแล้ว หรือเวลาถอดล้อหน้าไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำให้ร่องบังคับสายไมล์ ไม่ตรงกัน ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ แต่ว่า... รุ่นนี้น่าจะทำไมล์ไฟฟ้า หรือไมล์ดิจิตอลได้แล้วมั๊ง...ยามาฮ่าจ๋า
-
จัดการถอดฝาครอบด้านใต้เบาะ รวมถึงส่วนรองใต้ที่วางเท้าด้วย รถใหม่ๆ นี่เวลาทำอะไรกับเครื่อง หรือระบบไฟ
ถอดสกรู/น๊อตกันเพียบเลย สุดท้ายถอดหัวเทียนออกเบอร์ที่ติดรถมาเป็นเบอร์ 6 ของ NGK กลียวสั้นแหะ
- วัดกำลังอัดแบบแห้ง วัดได้ประมาณ 135 ปอนด์/ตารางนิ้ว วัดสองครั้งก็ได้ประมาณนี้แหละ
ขั้นตอนต่อไปเป็นแบบวัดกำลังอัดแบบเปียก ใช้กาหยอดน้ำมันเครื่องเข้าไปประมาณ 3-5 ซีซี. กะเอาพอให้
น้ำมันเครื่องไปเคลือบส่วนของกระบอกสูบ ลูกสูบ แหวน เสมือนว่าไปคว้านทำลูกสูบมาใหม่ แล้ววัดกำลังอัด
- วัดกำลังอัดแบบเปียก วัดได้ประมาณ 120 ปอนด์/ตารางนิ้ว
โคตรงง... ละทีนี้ วัดกำลังอัดมาก็นับครั้งไม่ถ้วน มีแต่กำลังอัดสิเพิ่มขึ้น แต่มาครั้งนี้ กำลังอัดกลับลดลง เมื่อวัดแบบเปียก
มันเป็นไปได้จั๋งได...
ปกติแล้วการวัดกำลังอัดแบบเปียก ผลการวัดจะมีอยู่ 2 ทาง คือ
1. กำลังอัดที่วัดได้ เพิ่มขึ้นจากเดิม (เทียบกับการวัดแบบแห้ง) ถ้าวัดได้เพิ่มขึ้น แสดงว่า ปลอก-ลูก-แหวน หลวม
2. ถ้าวัดได้เท่าเดิม หรือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แสดงว่า ลิ้นรั่ว
อย่างกรณีนี้ ไม่เข้าประเด็นทั้งสองข้อเลย คือกำลังอัดลดลง เลยปรึกษากันและสั่งถอดชุดฝาสูบดูก่อน ถ้ายังแล้วค่อยถอด
เสื้อสูบดูอีกที
+O+
-
เลยถามลูกศิษย์ว่าพร้อมที่จะลุย/ทำรถคันนี้หรือเปล่า ลูกศิษย์บอกพร้อมมีงบอยู่ 2,000 บาท เลยสั่งลุย
เหลือบดูเวลา 15.20 น. วันนี้คงไม่ทันส่งอะไหล่ไปซ่อม แต่ถอดไว้ก่อนก็ดี...
ในการถอดชุดบนของรถสายพานออโตเมติค ถ้าถอดบนตัวรถค่อนข้างยุ่งยากติดขัด เป็นไปได้ควร
- ถอดแยกเครื่องยนต์ออกจากตัวรถ จะเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด
ในการถอดแยกเครื่องออกจากโครงรถมีลำดับขั้นตอนประมาณนี้
1. ถอดโครงพลาสติคห้องบรรจุสัมภาระและเบาะนั่งออก
2. ปลดปลั๊กขั้วต่อสายไฟต่างๆ พวกสายออกซิเจนเซนเซอร์ ปลั๊ก TPS ปลั๊กหัวฉีด สายกราวด์ สายไฟชุดจานไฟ ท่อน้ำมันเข้าหัวฉีดฯลฯ
3. ถอดสายเบรกหลัง
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
4. ถอดโช๊คอับหลัง เฉพาะน๊อตยึดด้านล่าง
5. ถอดน๊อตยึดสวิงอาร์ม(เครื่องยนต์)เข้ากับเฟรม เป็นน๊อตยาวตัวเดียว
-
เมื่อแยกเครื่องยนต์ออกจากโครงรถได้แล้ว ทีนี้ก็เป็นเรื่องง่ายล่ะ ที่จะต้มยำทำแกงกับตัวเครื่องยนต์
ก็จัดการถอดส่วนประกอบภายนอก ที่เกะกะขวางทางการถอดฝาสูบ ไม่ว่าจะเป็นคอท่อไอดี ท่อยาง ฝาครอบวาล์ว
พลาสติคครอบเสื้อสูบ อะไรพวกนี้ถอดออกครับ
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ
-
เมื่อถอดฝาสูบได้ ก็นำไปทดสอบการรั่วของลิ้น โดยการใช้น้ำมันเบนซิน กรอกเข้าไปทางท่อไอดี และทางปากท่อไอเสีย ปรากฏว่าลิ้นทั้งคู่ ไม่แสดงอาการรั่วไหลออกมาให้เห็นเลย แต่ดูสภาพของเขม่าที่เกาะเต็มทั้งบนฝาสูบ ลิ้น รวมไปถึงหัวลูกสูบด้วย
นั่นก็หมายความว่า กำลังอัดรั่วออกทางด้านล่าง ซึ่งก็คือ ปลอก - ลูก - แหวน นั่นเอง
การถอดคงไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ ต้องดำเนินต่อไปด้วยการถอดเสื้อสูบออกมา แล้วก็เป็นไปอย่างที่คาดไว้
- กระบอกสูบ เป็นร่องรอยของการเสียดสีอย่างรุนแรง โดยไม่มีน้ำมันหล่อลื่นมาก่อน (น้ำมันเครื่องแห้ง)
- ลูกสูบเป็นรอยทางด้านบนและด้านล่าง
- แหวน ไม่ได้วัดระยะห่างปากแหวน เพราะว่าไหนๆ ก็ต้องคว้านอยู่แล้ว
-
(( (( ((