มาร่วมเป็นกำลังใจให้เว็บด้วยการสมัครสมาชิกวีไอพี ~~ เลือกปีที่ท่านต้องการได้โดยไม่ต้องเรียงปี ~~ ปีละ 350 บาท สมัคร 2 ปีลดเหลือ 600 บาท ~~ มีไลน์กลุ่ม VIP จำนวนหลายร้อยท่าน เอาไว้ปรึกษางานซ่อม ~~ เข้าถึงข้อมูลด้านเทคนิค ข้อมูลเชิงลึกมากมาย.....
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หลังหยุดยิงก็ยิ่งมีเสียงชื่นชมกองทัพไทยจากสื่อต่างชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสดีของไทยที่จะเปิดเกมเดินหน้าสู่การเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกเทคโนโลยีป้องกันประเทศ จากกระแสข่าวเชิงบวกที่เกิดขึ้นในเวลานี้ The Telegraph รายงานว่า กองทัพไทยนำระบบโดรนที่พัฒนาภายในประเทศมาใช้ในการปฏิบัติการทางอากาศ โดยปล่อยระเบิดจากโดรนต่อเป้าหมายยุทธภัณฑ์และตำแหน่งของกองกำลังกัมพูชา นับเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้งานได้แม่นยำและทันสมัยDefence Security Asia เผยคลิปการปฏิบัติจริงของโดรนไทย ซึ่งปล่อยระเบิด M261 และ M472 ทิ้งใส่ตำแหน่งกองกำลังและคลังอาวุธของกัมพูชา ส่งผลให้ระบบอาวุธศัตรู เช่น ระบบ RM 70 GRAD ถูกทำลายอย่างมีประสิทธิภาพJerusalem Post ระบุว่า ไทยได้นำเทคโนโลยีจากอิสราเอลเข้ามาช่วยเสริมความสามารถทั้งโดรนและระบบมิสไซล์ ทำให้เกิดการปฏิรูปยุทธศาสตร์ ซึ่งสะท้อนการพัฒนาขีดความสามารถด้านกลาโหมอย่างชัดเจนReuters รายงานความไม่สมดุลในกำลังทางทหาร ระบุว่าไทยมีความเหนือชั้นด้านอากาศยาน (F 16) และความสามารถทางทะเลที่สูงกว่ากัมพูชา ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่รักษาเสถียรภาพไว้ได้ Reuters ระบุอีกว่า ไทยมีงบประมาณความมั่นคงกว่า 5.7 พันล้านดอลลาร์ ประเทศไทยมีความสามารถด้านการผลิตอาวุธและยุทโธปกรณ์ภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา เพื่อทดแทนการนำเข้าและขยายสู่ตลาดส่งออกในภูมิภาค ASEAN และบางประเทศในตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้อาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ไทยผลิตและส่งออกแล้ว (บางส่วน)1. ปืนเล็กยาวและปืนสั้น (Firearms)- ปืนเล็กยาว Tavor (รุ่นลิขสิทธิ์ร่วม) และปืนเล็กยาว Type 11 - ปืนสั้น 11 มม. และ 9 มม. ที่ผลิตโดยโรงงานอาวุธของกองทัพบก- มีการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา ลาว และฟิลิปปินส์2. รถเกราะล้อยาง 8x8 First Win (Chaiseri)- ใช้ในกองทัพไทย และ ส่งออกไปยังประเทศมาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, บาห์เรน- รถรุ่นนี้ถูกยกย่องว่ามีคุณภาพเทียบเท่ารถเกราะตะวันตก แต่ราคาถูกกว่า3. ยานเกราะล้อยาง 4x4 “AV4” และรุ่นพัฒนาอื่น ๆ พัฒนาร่วมกับ Deftech (มาเลเซีย) และมีการส่งออกบางส่วน4. เรือรบและเรือตรวจการณ์ (OPV) อู่ราชนาวี และบริษัทเอกชนไทย เช่น Italthai Marine ผลิตเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งให้กองทัพเรือและขายให้ประเทศเพื่อนบ้าน5. โดรน UAV ไทยพัฒนาเอง- โครงการ “D-Eyes” และ “Sky Scout” สำหรับภารกิจสอดแนม- ส่งออกหรือร่วมพัฒนากับประเทศเพื่อนบ้านหลังจากศึกครั้งนี้ ผมคิดว่าเราน่าจะเติบโตในอุตสาหกรรมด้าน “เทคโนโลยีป้องกันประเทศได้” ด้วยการส่งออกสินค้าเหล่านี้เพิ่มเติม1. โดรนติดอาวุธ (Armed UAV) หลังจากประสบความสำเร็จในการใช้โดรนติดระเบิดแบบ “Precision Strike” ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา (คล้ายยุทธวิธีในยูเครน) มีแนวโน้มจะต่อยอดส่งออกให้ประเทศที่ต้องการระบบราคาย่อมเยา2. จรวดหลายลำกล้อง (MRLS) ไทยมีความร่วมมือกับจีนและอิสราเอลในการพัฒนา และอาจต่อยอดไปสู่การผลิตในประเทศ เพื่อขายในตลาดอาเซียน3. กระสุนปืนและกระสุนใหญ่ (Ammunitions) ไทยมีโรงงานผลิตกระสุนมาตรฐาน NATO ซึ่งสามารถส่งออกได้ เนื่องจากตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความต้องการสูง4. ยานเกราะขนาดเล็ก 4x4 รุ่นใหม่ Chaiseri และ Panus Assembly กำลังพัฒนารุ่นใหม่ที่มีระบบป้องกัน IED และเหมาะกับการรบในเมือง5. ระบบอาวุธทางทะเล (Fast Attack Craft และ OPV รุ่นใหม่) อู่ราชนาวีและภาคเอกชนไทยกำลังพัฒนาเรือรบรุ่นใหม่ ที่มีระบบตรวจจับเรดาร์สมัยใหม่และระบบอาวุธนำวิถีข้อได้เปรียบของไทย- ต้นทุนต่ำแต่คุณภาพสูง เมื่อเทียบกับอาวุธตะวันตก- ทำเลภูมิศาสตร์ที่ดี ส่งออกไป ASEAN, เอเชียใต้ และตะวันออกกลางได้ง่าย- การพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับประเทศพันธมิตร เช่น อิสราเอล จีน และเกาหลีใต้**** ความสูญเสียของพี่น้องทหารไทยครั้งนี้จะไม่สูญเปล่าแน่นอนครับ ****