ในแต่ละสภาพแวดล้อมจะมีความเข้มของแสงที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
1. แหล่งกำเนิดแสง - ชนิดของหลอดไฟหลอดไฟแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพในการให้แสงที่แตกต่างกัน โดยหลอด LED มักให้ค่าแสงสว่างสูงกว่าหลอดไส้
หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ในกำลังไฟฟ้าที่เท่ากัน ทำให้ได้แสงสว่างที่ส่องสว่างกว่าและชัดเจนกว่า
- กำลังไฟฟ้าโดยทั่วไปแล้ว กำลังไฟฟ้าของหลอดไฟจะสัมพันธ์กับความเข้มของแสงสว่างที่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ากำลังไฟฟ้าสูง
ความเข้มแสงจะสูงขึ้นเสมอไป ตัวอย่างเช่น หลอด LED กำลังไฟฟ้า 10 วัตต์ อาจให้ความเข้มแสง เทียบเท่ากับหลอดไส้
กำลังไฟฟ้า 60 วัตต์ได้
- อายุการใช้งานหลอดไส้และหลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อใช้งานไปนาน ๆ จะมีความเข้มแสงลดลง ในขณะที่หลอด LED จะมีอายุการใช้งาน
ที่ยาวนานกว่ามาก และความเข้มแสงจะลดลงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับหลอดไฟชนิดอื่น
2. ระยะห่างจากแหล่งกำเนิดแสงและมุมกระจายแสง
ตามกฎกำลังสองผกผัน ยิ่งเราอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดแสงมากขึ้นเท่าไร ความเข้มแสงก็จะลดลงมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้
หากแหล่งกำเนิดแสงมีมุมกระจายแสงแคบ แสงจะกระจุกตัวอยู่ในบริเวณที่แคบ ทำให้จุดศูนย์กลางมีความเข้มแสงสูง แต่บริเวณ
รอบข้างจะค่อย ๆ มืดลง
3. สภาพแวดล้อมสภาพแวดล้อมภายในห้องการทาสีผนังห้องด้วยสีโทนสว่างอย่างสีขาวหรือสีโทนอ่อน จะช่วยในการสะท้อนแสงและช่วยให้ห้องสว่างขึ้น ตรงกันข้าม
หากเลือกใช้สีโทนเข้มสำหรับผนังหรือเพดาน จะดูดซับแสงและทำให้ห้องดูมืดลง ซึ่งรวมถึงสีของเฟอร์นิเจอร์ที่ส่งผล
ต่อการสะท้อนแสงด้วยเช่นกัน
สภาพแวดล้อมภายนอกแสงธรรมชาติจากดวงอาทิตย์ในเวลากลางวันมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความสว่างภายในห้อง ดังนั้น การวัดค่าความสว่าง
เพื่อเลือกหลอดไฟที่เหมาะสม จึงควรทำ ในช่วงเวลาที่แสงธรรมชาติคงที่ เช่น ตอนเช้าตรู่หรือช่วงเย็นที่แสงแดดอ่อนลง
เพื่อให้ได้ค่าความสว่างที่แม่นยำและสามารถนำไปเปรียบเทียบกับค่าความสว่างที่ต้องการได้
เครื่องมือวัดค่าแสงสว่าง หรือ ความเข้มของแสงสว่างเครื่องมือวัดค่าแสงสว่างหรือลักซ์มิเตอร์
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบการวัดความเข้มของแสงสว่างในแต่ละพื้นที่จะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า “ลักซ์มิเตอร์” (Lux Meter) โดยหลักการทำงานของลักซ์มิเตอร์
จะทำการวัดปริมาณแสงที่ตกกระทบยังเซนเซอร์ที่อยู่ในพลาสติกสีขาว และแปลงสัญญาณแสงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า จากนั้นจึงนำ
สัญญาณไฟฟ้านี้ไปประมวลผลและแสดงผลเป็นค่าความสว่างในหน่วยลักซ์ (lux) บนหน้าจอแสดงผล วิธีการใช้งานคือการหันเซนเซอร์
ไปยังจุดที่ต้องการวัดแสง โดยให้เซนเซอร์ตั้งฉากกับทิศทางของแสงที่ตกกระทบ
การใช้ลักซ์มิเตอร์จำเป็นต้องมีการนำเครื่องไปสอบเทียบเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าค่าที่อ่านได้มีความแม่นยำและเชื่อถือได้
การสอบเทียบจะช่วยป้องกันข้อผิดพลาดในการวัด ซึ่งอาจส่งผลต่อการประเมินสภาพแสงสว่างที่ถูกต้องและอาจนำไปสู่ปัญหา
ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและสุขภาพได้