1) ส่วนตัวแปลงแรงดันสูง (ซ้าย) — ทำหน้าที่ “แปลง+ควบคุม”
🔧 เริ่มสั่น (Oscillator) เพื่อปั๊มแรงดัน
• 📌 R3 ป้อนไบอัสให้ Q1 (TIP31C – ทรานซิสเตอร์ชนิด NPN) → Q1 เปิด กระแสวิ่งผ่าน L1 (ขดปฐมภูมิของ TR1)
• 📌 สนามแม่เหล็กในแกนเฟอร์ไรต์เหนี่ยวนำแรงดันไปที่ L2 (ขดฟีดแบ็ก) และ L3 (ขดทุติยภูมิ)
• 📌 จุดวงกลม “จุดแดง (Dot)” บน TR1 คือ สัญลักษณ์เฟส: ด้านที่มีจุดคือเฟสเดียวกัน, L2 จัดเฟสให้ได้ฟีดแบ็กถูกขั้วเพื่อเร่ง Q1 ให้สั่นต่อเนื่อง
• 💡 เส้นทางฟีดแบ็ก: L2 → R1 → D3 → R2 → C3 → เบส Q1 ทำให้ Q1 นำมากขึ้น → กระแส L1 เพิ่มขึ้น
🔧 หยุดชั่วครู่เมื่อแกนอิ่มตัว
• 📌 เมื่อ L1 ใกล้อิ่มตัว (สนามไม่เพิ่มแล้ว) แรงดันเหนี่ยวนำใน L2 หาย → C3 คายประจุผ่าน R3 → ไบอัส Q1 ลดลง → Q1 ปิด
• 📌 วงจรจึง “เปิด–ปิด” รวดเร็ว กลายเป็น ออสซิลเลเตอร์แบบบล็อกกิ้ง (สั่นที่ราวหลายสิบ‑หลายร้อยกิโลเฮิรตซ์)
🔧 ยกระดับแรงดัน + ทำให้เป็น DC
• 📌 L1/L3 ทำหน้าที่เหมือนหม้อแปลงเพิ่มแรงดัน (Step‑Up) → ได้ AC สูงกว่า ~500 V ที่ L3
• 📌 D2 (UF4007 – ไดโอดฟื้นตัวเร็ว) แปลง AC สูงนั้นเป็น DC สูง ป้อนสายน้ำเลี้ยงไปยังฝั่ง CDI
🔧 ควบคุมแรงดันไม่ให้เกิน
• 📌 เครือข่าย Z1+Z2+Z3 (ซีเนอร์ไดโอดรวมค่า ~แรงดันชาร์จที่ต้องการ) + R5 + C4 ทำหน้าที่กำกับแรงดัน
• 📌 เมื่อแรงดันถึงค่ากำกับ Q2 (BC547) จะได้ไบอัสและ ดึงไบอัสจาก Q1 → ออสซิลเลเตอร์หยุดชั่วคราว → แรงดันไม่พุ่งเกิน
• 💡 เมื่อแรงดันตกต่ำกว่าจุดกำกับ Q2 ปิด → Q1 กลับมาสั่นต่อ วนเป็นลูปเพื่อรักษาแรงดันให้คงที่ใกล้ค่าซีเนอร์รวม
⚡ ข้อควรระวังในส่วนนี่
• ⚡ C1/C2 กรองไฟและ C6 ฝั่งขวาเก็บแรงดันสูง: สามารถช็อตได้แรง ควรถ่ายประจุก่อนซ่อม
• ✅ ใช้ หม้อแปลงแกนเฟอร์ไรต์ (เช่น EE 13–20 มม.) ลวดแนะนำ: L1 = 0.33–0.38 มม., L2/L3 = 0.20–0.25 มม.
• 💡 ตัวอย่างรอบโดยทั่วไป: L1 ~12–22 รอบ, L2 ~4–5 รอบ, L3 ~140+27 รอบ (ต้องจูนตามแกน/ความถี่)
2) ส่วนชุด CDI (ขวา) — ทำหน้าที่ “เก็บ+ปล่อย”
🔧 รับไฟสูงและชาร์จเก็บ
• 📌 DC สูงจากจุด (B) เข้าชาร์จ C6 (1.5 µF / 600 V, โพรพิลีน) เพื่อเก็บพลังงานไว้ยิงหัวเทียน
🔧 รับคำสั่งจุดระเบิด (Trigger)
• 📌 สัญญาณบวกที่จุด (D) จาก Pickup/ECU ผ่าน D6 (1N4148) + R6 → ไปยัง Gate ของ SCR U1 (BT151)
• 💡 สัญญาณเดียวกันถูกส่งผ่าน R4/C4 ไปเบส Q2 เพื่อ หยุดการสั่นฝั่งซ้าย ขณะปล่อยประจุ (ช่วยให้ SCR ปิดตัวเองได้)
🔧 ปล่อยประจุอย่างฉับพลัน
• 📌 เมื่อ U1 (SCR) เปิด: ประจุจาก C6 ไหลผ่าน SCR ไป คอยล์จุดระเบิด ที่จุด (E)
• 📌 D7 (1N4007) ทำหน้าที่ไดโอดกันไฟย้อนจากคอยล์ป้องกันไม่ให้ย้อนมาทำร้าย SCR
✅ จบหนึ่งรอบการจุดระเบิด
• 📌 เมื่อกระแสผ่าน SCR ลดลงถึงศูนย์ (เพราะฝั่งซ้ายหยุดสั่นชั่วคราว) → SCR ปิดเอง → ฝั่งซ้ายกลับมาสั่น‑ชาร์จ C6 ใหม่ พร้อมยิงรอบถัดไป
3) 💡 การประยุกต์ใช้งานและต่อยอด
• 📌 โครงสร้างพื้นฐานนี้พบในกล่อง DC-CDI หลายรุ่นในไทย (ค่าอุปกรณ์จริงอาจต่างกัน แต่หลักการทำงานเหมือนกัน)
• 🔧 กรณีระบบหลายช่องจุดระเบิด (Multi-Channel / Multi-CDI)
→ ใส่ไดโอดแยก (เช่น D5) ก่อน C6 ของแต่ละช่อง เพื่อป้องกันประจุไหลข้ามกัน
→ ช่วยให้แต่ละช่องคงแรงดันและเสถียรภาพของการจุดระเบิด
→ เหมาะกับระบบ Wasted-Spark หรือ ECU ที่มีสัญญาณจุดระเบิดหลายช่อง
4) ⚡ เคล็ดลับใช้งาน/ซ่อมให้ปลอดภัย
⚡ ความปลอดภัยมาก่อน
⚡ ถ่ายประจุ C6 ทุกครั้งก่อนจับงาน
→ ใช้ตัวต้านทาน (R) ค่าหลักสิบ–หลักร้อยกิโลโอห์ม ต่อปลายคีมลงกราวด์ชั่วครู่
⚡ เลือก D2, ซีเนอร์, และ SCR ที่ทนแรงดัน ≥ 600 V และเหมาะกับความถี่สูง
🔧 งานพันหม้อแปลงให้ได้ผล
• 📌 จัดเฟสตาม Dot ให้ถูก (ถ้าผิดเฟส → ออสซิลเลเตอร์ไม่สั่น)
• 💡 เว้น Air-Gap เล็ก ๆ ระหว่างแกน EE (กระดาษ 0.1–0.2 มม.) เพื่อกันอิ่มตัวและทำให้สั่นเสถียร
• ✅ พันเป็นชั้น ๆ + คั่นฉนวนไมลาร์ทุกชั้น เพื่อความทนแรงดัน
5) ✅ สรุปขั้นตอนการทำงาน (หนึ่งคาบ)
• ✅ 12 V → ออสซิลเลเตอร์ → Step-up → DC สูง (D2)
• ✅ ซีเนอร์ + Q2 คุมแรงดันให้คงที่ → ชาร์จ C6
• ✅ Trigger (D) → เปิด SCR และสั่งหยุดสั่นชั่วคราว
• ✅ C6 ปล่อยพลังงานผ่านคอยล์ → เกิดประกายไฟที่หัวเทียน
• ✅ กระแส SCR เป็นศูนย์ → ปิดเอง → ฝั่งซ้ายกลับมาชาร์จ วนลูปใหม่