ข่าวประชาสัมพันธ์

มาร่วมเป็นกำลังใจให้เว็บด้วยการสมัครสมาชิกวีไอพี ~~ เลือกปีที่ท่านต้องการได้โดยไม่ต้องเรียงปี ~~ ปีละ 350 บาท สมัคร 2 ปีลดเหลือ 600 บาท ~~ มีไลน์กลุ่ม VIP จำนวนหลายร้อยท่าน เอาไว้ปรึกษางานซ่อม ~~ เข้าถึงข้อมูลด้านเทคนิค ข้อมูลเชิงลึกมากมาย.....


ผู้เขียน หัวข้อ: อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]  (อ่าน 4825 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37146
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
   หลายคนคงสงสัยกันว่า คำว่า OBD-II มันคืออะไร 
ลองติดตามกันดู

   OBD หรือ On-Board Diagnostics เป็นมาตราฐานกำหนดลักษณะข้อมูล รวมถึงวิธีการเชื่อมต่อข้อมูลของเครื่องยนต์ ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยไอเสีย เกิดขึ้นเมื่อปี 1988 โดยหน่วยงาน California Air Resources Board (ARB) มีจุดประสงค์เพื่อให้รถทุกคันในรัฐสามารถถูกตรวจสอบความผิดพลาดของเครื่องยนต์ได้ เนื่องจากมีผลโดยตรงกับคุณภาพของอากาศในท้องถนน (เรียกว่า On-Board Diagnostics Level I (OBD I))

     OBD จึงเกี่ยวทั้ง Hardware และ Software โดยหากมองในแง่ของการวิเคราะห์และเก็บข้อมูล OBD คือฟังก์ชั่นหนึ่งของ ECU โดยเป็นฟังก์ชั่นรองจากการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว เช่น พวก เครื่องยนต์ ABS เบาะ การทรงตัว อุปกรณ์เสริมต่างๆ หน้าที่ของ OBD จะแสดงถึงความผิดพลาด (Malfunction Indicator Light : MIL) โดยจะคอยตรวจจับเมื่อค่า input ต่างๆผิดไปจากที่วิศวกรได้ออกแบบไว้เกินขอบเขตหนึ่ง เป็นระยะเวลาหนึ่ง รวมถึงจะคอยดู output ผลการควบคุมด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุม

   เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนไป ความต้องการในตัว OBD ก็เพิ่มขึ้น ต้องการให้มันมีความสามารถมากขึ้น นอกจากจะเป็นแค่ ผลการวิเคราะห์ ก็จะกลายเป็นค่าต่อเนื่อง (continuous) ของน้ำมัน ตรวจวัดวงจรไฟฟ้าของคอมโพเนนท์ต่างๆ วัดค่าออกซิเจนหลัง catalytic converter ค่าสถานะต่างๆของอุปกรณ์และแจ้ง malfunction ไปยังแผงหน้าปัดของคนขับ เป็นต้น ทำให้เกิดการพัฒนาเป็นมาตราฐานต่อเนื่องกัน ที่เรียกว่า On-Board Diagnostics Level 2 (OBD II, OBD2) ขึ้น โดยเมื่อปี 1996 ทางสหรัฐก็ได้กำหนดว่า รถยนต์นั่งและรถบรรทุก Light-duty ต้องสอดคล้องกับ OBD2 ตัวใหม่นี้ 

ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ

ภาพด้านบนเป็นรูปร่างและตำแหน่งขาต่างๆของปลั๊ก OBD-II

   Society of Automotive Engineers (SAE) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสหรัฐ และ International Standards Organization (ISO) หน่วยงานกลางของยุโรป ได้มีการ กระตุ้นให้บริษัทผลิตรถยนต์(หรือชิ้นส่วนรถยนต์) และบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ตรวจวัด ร่วมมือกันพัฒนา OBD ผลการร่วมมือนี้ทำให้เกิดการพัฒนาเกี่ยวกับ OBD ขึ้น ตัวอย่างเช่น SAE J1962 ซึ่งเป็นหัวต่อมาตราฐานของ OBD2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2559, 07:19:13 โดย Auto Man »
สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

ออฟไลน์ Auto Man

  • Administrator
  • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
  • *****
  • เจ้าของกระทู้
  • Joined: ก.ย. 2558
  • กระทู้: 37146
  • สมาชิกลำดับที่ : 1
  • เพศ: ชาย
  • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
    • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
    • อีเมล์
อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2559, 07:06:49 »
  • ขึ้นบน
  • ลงล่าง
  •    ในขณะที่เกิดการพัฒนาด้าน OBD II เพื่อใช้ตรวจสอบการทำงานของระบบในเครื่องยนต์หรือรถยนต์ ทางด้านการสื่อสารระหว่างระบบอิเลคทรอนิคส์ในรถยนต์ก็ได้พัฒนาไปเช่นกัน โดยเริ่มจากการสื่อสารแบบ point-to-point พัฒนาไปถึง Class B จนกระทั่งพัฒนาไปยังเทคโนโลยีคล้าย PC คือเป็นลักษณะโครงสร้างแบบ LAN ที่เราใช้กันอยู่ ทั้งเป็นแบบ Ring, Star และ Pole โดยมีข้อเด่นที่ว่าระบบเน็ตเวิร์คนี้สามารถส่งผ่านข้อมูลระหว่าง ECU ภายในรถยนต์ได้ การพัฒนานี้ได้นำไปใช้จริงในอุตสาหรรม เช่น ในมิตซูบิชิใช้ 1920 bps MMC หรือใน Ford ใช้ 9600 bps data link และยังมีระบบที่พัฒนาขึ้นไปอีกเช่น โปรโตคอล SAE J1850 หรือ ISO 15765-4

    เมื่อมีระบบเน็ตเวิร์คการแชร์ข้อมูลต่างๆ ก็เป็นไปได้มากขึ้น นอกจากจะมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับการปล่อยมลพิษของไอเสีย ก็ยังมีความสามารถในการส่งข้อมูลตรวจวิเคราะห์ทั่วๆไป ทั้งตรวจวิเคราะห์ เซ็นเซอร์ O2, catalytic converters, ระบบ evaporation, การ recirculate ของไอเสีย รวมถึงมีการใช้ code วิเคราะห์แบบมาตราฐาน DTC ใช้พารามิเตอร์แบบ generic ที่เข้าใจง่าย และใช้มาตราฐานการส่งข้อมูลแบบ serial protocol ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลอย่างดีสำหรับช่างเพื่อวิเคราะห์ โดยที่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เกิดโดยการร่วมมือของ SAE และ ISO นั้นเอง

    ที่มา: History and Future of On-Board Diagnostics Posted 5/10/2004 By Bernard J. Carr

        ในขณะที่เทคโนโลยีเปลี่ยนไป วิธีการสื่อสารภายในรถยนต์ ระหว่างอุปกรณ์ก็มีการพัฒนาขึ้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่า แม้ว่า 16-pin data link connector (DLC) ของ OBD2 จะเหมือนกันแต่ ในทาง software แล้ว การเชื่อมต่อของ OBD2 ก็มีหลายโปรโตคอล

        ได้แก่ - J1850 VPW (Variable Pulse Width modulation) : GM
               - J1850 PWM (Pulse Width Modulation) : Ford
               - ISO 9141 with KWP (Key Word Protocol) : Chrysler , European and Asian
               - J2284 CAN : รถรุ่นใหม่
    สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
    ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

    ออฟไลน์ Auto Man

    • Administrator
    • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
    • *****
    • เจ้าของกระทู้
    • Joined: ก.ย. 2558
    • กระทู้: 37146
    • สมาชิกลำดับที่ : 1
    • เพศ: ชาย
    • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
      • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
      • อีเมล์
    อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]
    « ตอบกลับ #2 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2559, 07:08:46 »
  • ขึ้นบน
  • ลงล่าง
  • สังเกตได้จากลักษณะขั้วสายไฟใน DLC

    Pin location Pin output.

    OBD Connector

    PIN 1 Manufacturers discretion
    PIN 2 SAE J1850 Line (Bus +) *
    PIN 3 Manufacturers discretion
    PIN 4 Chassis Ground
    PIN 5 Signal Ground
    PIN 6 SAE J2284 (CAN High) *
    PIN 7 K Line of ISO 9141-2 & ISO/DIS 4230-4*
    PIN 8 Manufacturers discretion
    PIN 9 Manufacturers discretion
    PIN 10 SAE J1850 Line (Bus -) *
    PIN 11 Manufacturers discretion
    PIN 12 Manufacturers discretion
    PIN 13 Manufacturers discretion
    PIN 14 SAE J2284 (CAN Low) *
    PIN 15 L Line of ISO 9141-2 & ISO/DIS 4230-4*
    PIN 16 Unswitched Vehicle Battery Positive

    สรุป

    PWM จะมี PIN 2, 4, 5, 10, 16
    VPW จะมี PIN 2, 4, 5, 16 แต่ไม่มี PIN 10
    ISO จะมี PIN 4, 5, 7, 16 ส่วน PIN 15 อาจไม่มีก็ได้
    CAN จะมี PIN 4, 5, 6, 14, 16

    ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ

       Pin Layout
    « แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 มกราคม 2562, 15:23:20 โดย Auto Man »
    สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
    ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

    อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]
    « ตอบกลับ #2 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2559, 07:08:46 »


    ออฟไลน์ Auto Man

    • Administrator
    • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
    • *****
    • เจ้าของกระทู้
    • Joined: ก.ย. 2558
    • กระทู้: 37146
    • สมาชิกลำดับที่ : 1
    • เพศ: ชาย
    • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
      • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
      • อีเมล์
    อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]
    « ตอบกลับ #3 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2559, 07:12:06 »
  • ขึ้นบน
  • ลงล่าง
  •    บางคนก็อาจจะมองว่านี่เป็นจุดเริ่มของแนวทางการวิเคราะห์เครื่องยนต์ระดับ global เลยก็ได้ ในขณะที่บางคนก็มองไปยังจุดเด่นของ OBD II และพยายามเอาข้อเด่นตรงนี้ไปทำเรื่องการ inspection และ maintenance รถยนต์ ทำให้เป็นการปฎิรูปการตรวจสภาพและซ่อมบำรุงรถยนต์ได้อย่างมีคุณภาพ และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

        ยังมีจุดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเรื่องนึง ก็คือ วิธีการวิเคราะห์ หรือ software ช่วยวิเคราะห์ – อย่างที่ทราบว่า ECU เป็น Embeded system ตัวนึงที่ทำงานซับซ้อน และ แต่ละผู้ผลิต ก็ทำ ECU ของตนเอง ดังนั้นการกำหนดการทำงานและพารามิเตอร์ของ ECU ก็แตกต่างกัน ทำให้การดึงค่าวัดต่างๆเหล่านี้ยากขึ้นไปด้วย ก็เลยทำให้เกิดความต้องการที่จะมีเครื่องมือที่ดึงข้อมูลเหล่านั้นขึ้นมา และช่วยประมวลข้อมูลมากมายเหล่านั้นเพื่อการสรุปหาสาเหตุของปัญหาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ถ้าลองใช้ keyword ว่า OBD software จะได้ผลการค้นหาที่มากมาย แต่ก็ยังไม่มีซอฟต์แวร์ตัวใดตัวนึงที่โดดเด่นออกมา จึงยังคงเป็นเรื่องที่น่าสนใจและเกิดการพัฒนาอยู่

       ถ้ามองต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ สิ่งที่จะเป็นก็คือ OBD จะพัฒนาขึ้น จะมีการตรวจวิเคราะห์ค่าต่างๆ มากขึ้น และส่งผ่านข้อมูลออกมามากขึ้น รวมถึงมี tool และ process ในการวิเคราะห์ ข้อมูลเหล่านี้อย่างเป็นระบบ เพื่อในท้ายที่สุดแล้วเกิดการพัฒนาการรักษาประสิทธิภาพรถยนต์ชั้นสูง ที่เรียกว่า advance service & diagnostic

       ข้อบังคับใช้ในยุโรป มี directive 98/69EG บังคับใช้ว่ารถยนต์เบนซิน หลังปี 2000 และ ดีเซลหลังปี 2003 และรถบรรทุกหลังปี 2005 จะต้องมีฟังก์ชัน OBD โดยใช้มาตราฐาน OBD2 ทั้งนี้ในการใช้งานจริงแล้วนั้น นอกจากจะไว้ใช้ในขึ้นตอนการผลิต ยังไว้ใช้ในการวิเคราะห์ต่างๆ ที่มากไปกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้อีกด้วย

        ในการพัฒนา OBD3 ในขั้นต่อไป ก็จะเป็นการให้ รถยนต์สามารถแจ้งข้อผิดพลาดไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นระหว่างการขับขี่ ซึ่งถ้าทำอย่างนั้นได้ การบังคับให้ตรวจสอบทุกรอบ 2 ปีของยุโรปก็ไม่ต้องทำอีกต่อไป

      ข้อมูลดีๆ อย่างนี้มาจากที่นี่ (แปลได้เข้าใจง่ายดี)
    เครดิต : http://www.thaigoodpost.com/articles/automotive/65
    สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
    ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

    ออฟไลน์ Auto Man

    • Administrator
    • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
    • *****
    • เจ้าของกระทู้
    • Joined: ก.ย. 2558
    • กระทู้: 37146
    • สมาชิกลำดับที่ : 1
    • เพศ: ชาย
    • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
      • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
      • อีเมล์
    อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]
    « ตอบกลับ #4 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2559, 07:16:25 »
  • ขึ้นบน
  • ลงล่าง
  •     สรุปว่า OBD-II เกิดจากการที่ต้องการใช้เป็นช่องทางตรวจสอบการควบคุมมลพิษของเครื่องยนต์  แต่ว่า
    ณ ปัจจุบันกลายเป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ในการที่ช่างจะตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ และวินิจฉัยปัญหา
    เดี๋ยวนี้ไม่เฉพาะแต่ปัญหาด้านเครื่องยนต์อย่างเดียวแล้ว เรียกว่าทุกระบบจะเชื่อมต่อมายัง OBD-II
    สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
    ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

    ออฟไลน์ Auto Man

    • Administrator
    • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
    • *****
    • เจ้าของกระทู้
    • Joined: ก.ย. 2558
    • กระทู้: 37146
    • สมาชิกลำดับที่ : 1
    • เพศ: ชาย
    • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
      • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
      • อีเมล์
    สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
    ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

    ออฟไลน์ Auto Man

    • Administrator
    • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
    • *****
    • เจ้าของกระทู้
    • Joined: ก.ย. 2558
    • กระทู้: 37146
    • สมาชิกลำดับที่ : 1
    • เพศ: ชาย
    • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
      • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
      • อีเมล์
    สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
    ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

    ออฟไลน์ nuthnun

    • Y1 2 3 4 5 6 7 8 9
    • VIP ปีที่ 3
    • ช่างยนต์มือหนึ่ง
    • *
    • Joined: ม.ค. 2561
    • กระทู้: 126
    • สมาชิกลำดับที่ : 5323
      • อีเมล์
    อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]
    « ตอบกลับ #7 เมื่อ: 15 มกราคม 2561, 23:06:23 »
  • ขึ้นบน
  • ลงล่าง
  •  -OOO- ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
    « แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 กันยายน 2561, 11:38:31 โดย Auto Man »

    ออฟไลน์ ojateo

    • Y2 11
    • VIP ปีที่ 2
    • ช่างยนต์มือหนึ่ง
    • *
    • Joined: ก.ค. 2560
    • กระทู้: 162
    • สมาชิกลำดับที่ : 3861
    อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]
    « ตอบกลับ #8 เมื่อ: 16 มกราคม 2561, 02:48:27 »
  • ขึ้นบน
  • ลงล่าง
  • ขอบคุณครับ

    ออฟไลน์ Auto Man

    • Administrator
    • หัวหน้าศูนย์ซ่อมสร้าง
    • *****
    • เจ้าของกระทู้
    • Joined: ก.ย. 2558
    • กระทู้: 37146
    • สมาชิกลำดับที่ : 1
    • เพศ: ชาย
    • มือผู้ให้ย่อมสูงกว่ามือผู้รับ
      • เว็บชุมชนคนรักช่างยนต์
      • อีเมล์
    อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]
    « ตอบกลับ #9 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2561, 06:04:23 »
  • ขึ้นบน
  • ลงล่าง
  •    OBD-II Protocols 

       An OBD2 compliant vehicle can use any of the five communication protocols: SAE J1850 PWM, SAE J1850 VPW, ISO9141-2, ISO14230-4 (KWP2000), and since 2003 also ISO 15765-4/SAE J2480. ELM-USB and OBDTester support all of them.
    Some websites say they support 9 or even more protocols. This is because they mistakenly count protocol variants as separate communication protocols. If you add 4 variants of CAN-BUS to our list, you are on 9.

    Please note that some models are equipped with SAE J1962 connector, but these cars are NOT OBD2 compliant. Typical examples of such cars are some early VW/Skoda/Seat models (European versions only), Ford cars with EEC-IV using Ford DCL protocol (e.g. Ford Escort), Nissan EU/Asian models (using Nissan DDL protocol), or some European Hyundai models.

    ISO15765-4 (CAN-BUS)
    The most modern protocol, mandatory for all 2008+ vehicles sold in the US. Uses pins 6 and 14 (referenced to signal gound), communication is differential.
    Four variants of ISO15765 exist. They differ only in identifier length and bus speed:

    •ISO 15765-4 CAN (11 bit ID,500 Kbaud)
    •ISO 15765-4 CAN (29 bit ID,500 Kbaud)
    •ISO 15765-4 CAN (11 bit ID,250 Kbaud)
    •ISO 15765-4 CAN (29 bit ID,250 Kbaud)
    Fiat/Alfa/Lancia used also fault-tolerant CAN-BUS at 50 kbaud, not compatible with OBD2 standard. 

    ISO14230-4 (KWP2000)
    Very common protocol for 2003+ vehicles using ISO9141 K-Line. Uses pin 7.
    Two variants of ISO14230-4 exist. They differ only in method of communication initialization. All use 10400 bits per second.

    •ISO 14230-4 KWP (5 baud init,10.4 Kbaud)
    •ISO 14230-4 KWP (fast init,10.4 Kbaud)

    ISO9141-2
    Older protocol used mostly on European vehicles between 2000 and 2004. Uses pins 7 and optionally 15.

    SAE J1850 VPW
    Diagnostic bus used mostly on GM vehicles. Uses pin 1, communication speed is 10.4 kB/sec.

    SAE J1850 PWM
    Diagnostic bus/protocol used mostly on Ford. Uses pins 1 and 2, communication signal is differential and it's rate is 41.6kB/sec.

    ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง  สมัครสมาชิก หรือ ลงชื่อเข้าระบบ


    Please note that other pins may also be fitted. They usually connecto to other (non-engine) ECUs or provide various signals. Generic OBD2 tools are not capable of "talking" to other ECUs than engine. For diagnosis of other control units such as ABS, airbag, audio or body modules you need vendor-specific software such as FiCOM (Fiat/Alfa/Lancia), FoCOM (Ford/Mazda) or HiCOM (Hyundai/Kia).
    Other non-OBD2 protocols
    Almost every car uses also vendor-specific diagnostic protocols such as KWP2000, KW1281, VWTP, KW72, KW82, which are used for "native" diagnostics.

      มาจากที่นี่...
    สวัสดีคุณ...ผู้เยี่ยมชม  กด ❤ ถูกใจโพสท์นี้ หรือยัง...
    ต้องการสมัครสมาชิก VIP สมัครได้ที่นี่...   หรือทาง Line ID: k.sonchai

    ออฟไลน์ Piphat kongnuam

    • Y 1 2 3 4 5 6 7 +14 15
    • วีไอพีตลอดชีพ
    • Super VIP
    • ช่างยนต์มือหนึ่ง
    • *
    • Joined: ก.ค. 2560
    • กระทู้: 245
    • สมาชิกลำดับที่ : 3817
    อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]
    « ตอบกลับ #10 เมื่อ: 29 กันยายน 2561, 20:57:00 »
  • ขึ้นบน
  • ลงล่าง
  • ขอบคุณครับ

    Amornthept

    • บุคคลทั่วไป
    อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]
    « ตอบกลับ #11 เมื่อ: 08 มกราคม 2562, 16:28:19 »
  • ขึ้นบน
  • ลงล่าง
  •      ได้ความรู้เยอะเลยครับ..ผมซื้อ OBD2 scangauge มาลองใช้กับรถผม Hilux vigo ปี 2008 จากข้อมูลน่าจะเป็นโปรโตคอล "ISO 9141-2" เพราะมี PIN 4,5,7,9,11,12,13,15,16 แต่มีปัญหาไม่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้ ลองเอาไปต่อรถเพื่อนรุ่นเดียวกันก็ไม่ได้
         แต่พอเอาไปต่อกับ Hilux vigo champ ปี 2011 สามารถต่อและอ่านแสดงผลได้ปกติ พบว่ามี PIN เพิ่มมาคือ PIN 6, 14 ซึ่งเป็นโปรโตคอลคนละรุ่นกัน "CAN"
        พี่ๆพอช่วยแนะนำวิธีแก้ไขให้ OBD2 scan tool อ่านค่าได้มั้ย หรือ เครื่องไม่แม็ทต้องหาซื้อเครื่องใหม่   ;)

    ออฟไลน์ montree

    • Y1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13
    • วีไอพีสะสม 13 ปี
    • VIP ปีที่ 2
    • ช่างยนต์มือหนึ่ง
    • *
    • Joined: ธ.ค. 2563
    • กระทู้: 212
    • สมาชิกลำดับที่ : 15391
    อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]
    « ตอบกลับ #12 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2566, 13:24:22 »
  • ขึ้นบน
  • ลงล่าง
  • ขอบคุณครับ

    อะไรคือ OBD-II ติดตามกันได้ที่นี่... [สุดยอด]
    « ตอบกลับ #12 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2566, 13:24:22 »