เปิดตำนานรถกระบะนิสสัน ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน Nissan Pickup Historyก่อนที่ All New Nissan Navara 2014 หรือนาวาร่า โฉมใหม่ จะเปิดตัวในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ ลองมาคำความรู้จักกับประวัติรถกระบะรุ่นต่างๆของทางนิสสันกันดีกว่าครับ ตั้งแต่เมื่อครั้งยังใช้ชื่อ Datsun มาจนถึงชื่อ Nissan ในปัจจุบัน
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง
สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ“ดัทสัน บลูเบิร์ด 320” (Datsun Bluebird 320)
รถกระบะรุ่นแรกที่ได้รับการนำเข้า โดย บริษัท สยามกลการ จำกัด ซึ่งได้ถือกำเนิดอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2507 ถูกแบ่งกลุ่มกันไว้ว่าเป็น “รถยนต์นั่ง” ตลอดไปจนถึง “รถกระบะ” ขนาดเล็ก ดัทสัน บลูเบิร์ด 320 มีรูปโฉมในด้านหน้าเหมือนกันกับ รถเก๋ง ดัทสัน บลูเบิร์ด รุ่นแรกทุกอย่าง โดยจะแตกต่างกันตรงด้านท้ายที่อยู่ในลักษณะของ “กระบะ” นั่นเอง ส่วนเครื่องยนต์มีขนาด 1,200 ซีซี ใช้เกียร์มือ ที่มีลักษณะเป็นก้านโยกเกาะอยู่ที่คอพวงมาลัย โดย ไฟหน้า และ ใบปัดน้ำฝน จะควบคุมด้วยสวิทช์แบบที่เป็นปุ่มดึง
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ“ดัทสัน L520” (Datsun L520)
รถกระบะนำเข้ารุ่นที่สองเผยโฉมในปี พ.ศ.2509 ซึ่งยังยึดแนวเดียวกับรถเก๋ง หรือ บลูเบิร์ด รุ่นใหม่อยู่เหมือนเดิม สำหรับหน้าตาของตัวรถจะมีจุดสังเกตุอยู่ที่เป็นแบบ “ตาเดียว” ข้างละดวง และเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ใหม่ ในรหัส “J 13” ที่เป็นเครื่องเบ็นซินที่ใหญ่ขึ้นมามีทั้งขนาด 1,300 ซีซี และ ขนาด 1,500 ซีซี ช่วงสั้นและช่วงยาว ซึ่งในเวลาอีกไม่กี่ปีถัดมา ก็มี “L 520” ไมเนอร์เชนจ์ ที่ปรับปรุงหน้าตานิดหน่อยตามออกมา เปลี่ยนโคมไฟใหญ่ให้เป็นแบบไฟหน้าคู่ ข้างละสองดวงตามความนิยม และมีไฟเลี้ยวติดอยู่ใต้โคมใหญ่เหนือกับมุมกันชนเล็กน้อย
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ“ดัทสัน L521” (Datsun L521)
รถกระบะดัทสันประกอบในไทยรุ่นแรก ที่เป็นการไมเนอร์เชนจ์จากรุ่น L520 พร้อมเปลี่ยนรหัสการเรียกใหม่เป็น “L521” โดยเปลี่ยนลายหน้ากระจังและไฟหน้าให้เป็นแบบตาคู่ กันชนหน้าที่ทำจากอลูมิเนียมยังคงอยู่ในรูปทรงเดิม แต่มีการเพิ่มไฟหรี่/ไฟเลี้ยวขนาดใหญ่พอสมควรเข้าไปที่ด้านใต้โคมใหญ่หรือเหนือกันชน มีไฟเลี้ยวดวงเล็กรูปทรงหัวลูกศรติดอยู่ตรงหัวร่องข้างสะเอว หรือที่ตรงแก้มหน้าอีกดวงหนึ่งด้วย โดยในส่วนของเครื่องยนต์ตลอด จนระบบอื่นๆ ยังคงเป็นเช่นเดิมก็คือ “J 13 “ 1,300 ซีซี 62 แรงม้า
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ“ดัทสัน L620 หรือ รุ่นช้างเหยียบ” (Datsun L620)
ผลิตในปี พ.ศ.2515 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนตัวถังรถใหม่ โดยมีรหัสเรียกอย่างเป็นทางการว่า “L 620“ แต่คนทั่วไปนิยมเรียกกันว่า รุ่น “ช้างเหยียบ” ตามการโฆษณาทั้งภาพยนตร์และภาพนิ่ง ที่นำช้างขึ้นไปยืนอยู่ภายในกระบะทั้งตัว เพื่อสื่อให้เห็นถึง พละกำลัง และความทนทรหดของตัวรถ รูปลักษณ์ของตัวรถดูแข็งแรงสวยงาม ตัวรถโค้งมนตลอดคัน เครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบ มีทั้งขนาด 1,300 ซีซี 65 แรงม้า และ ขนาด 1,500 ซีซี 74 แรงม้า ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 105,000 บาท รวมยอดขายทุกรุ่นประมาณ 20,691 คัน
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ“ดัทสัน SD22” (Datsun SD22)
ช่วงปลายยุคของรุ่นช้างเหยียบในปี พ.ศ. 2520 ได้มีการเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นครั้งแรก ซึ่งรุ่นที่ได้นำมาติดตั้งคือ “SD 22” ขนาด 2,200 ซีซี มีอัตราเร่งสูงสุด 62 แรงม้า โดยใช้รหัสตัวถัง “R620” แต่ยังคนรูปแบบเป็นรถกระบะตอนเดียวที่เน้นการบรรทุกเป็นหลัก ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 106,000 – 128,000 บาท รวมยอดขายทุกรุ่นประมาณ 26,136 คัน
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ“ดัทสัน โปรเฟสชั่นแนล-ดี” (Datsun Professional-D )
รถกระบะรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนรูปโฉมแบบใหม่ทั้งหมดเปิดตัวในปี พ.ศ. 2523 เริ่มสู่ยุคตัวถังเหลี่ยมที่มีแนวเส้นสายทันสมัย ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ดัทสัน โปรเฟสชั่นแนล-ดี และมีรหัสทางเทคนิคเรียกขานว่า “SG 720” ซึ่งจะมีจุดสังเกตที่เห็นได้ชัดเจน ตรงภาษาอังกฤษคำว่า DATSUN ที่ติดไว้กลางหน้ากระจัง เครื่องยนต์ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นโดยใช้เครื่องยนต์ 4 ขนาด คือ เครื่องเบนซิน 1,600 ซีซี 80 แรงม้า เครื่องเบนซิน 1,800 ซีซี 85 แรงม้า เครื่องดีเซล 2,200 ซีซี 65 แรงม้า และ เครื่องดีเซล 2,300 ซีซี 77 แรงม้า
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ“นิสสัน โปรเฟสชั่นแนล-5” (Nissan Professional-5 )
ในปี พ.ศ. 2525 เริ่มมีการแข่งขันกันรุนแรง ทำให้มีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพิ่มออกมาเป็นระยะ โดยเริ่มจากนำ เกียร์ 5 จังหวะ มาติดตั้งให้กับรถกระบะ ในรุ่นดีเซล พร้อมปรับการเรียกชื่อรุ่นไปเป็น โปรเฟสชั่นแนล-5 อีกปีถัดมา คือใน พศ. 2526 ได้ปรับปรุงแหล่งพลังด้วยการเปลี่ยนเครื่องดีเซล เป็นรุ่นที่สองด้วย “SD 23” 2,300 ซีซี ถัดมาในปี พ.ศ.2537 ก็ได้เปลี่ยนการเรียกของ ยี่ห้อรถ ไปเป็น NISSAN พร้อมปรับปรุง หน้ากระจัง-กันชน ให้ดูแปลกออกไป
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ“นิสสัน บิ๊กเอ็ม” (Nissan Big-M )
โฉมใหม่ตั้งแต่หัวจรดท้ายของกระบะนิสสัน เปิดตัวในปีพ.ศ. 2529 มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,500 ซีซี 77 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด บรรทุกน้ำหนักได้ถึง 1.5 ตัน (รถกระบะ ในบ้านเราปกติจะเคลมน้ำหนักบรรทุกไว้ที่ 1 ตัน) รูปลักษณ์ภายนอกสวยงาม บึกบึน แข็งแกร่ง มีไฟหน้าสี่เหลี่ยมข้างละดวงกลมกลืนกับกระจังหน้าที่มีลักษณะเป็นช่องเล็กๆต่อกัน 3 ช่อง ซ้อนกัน 2 แถว มีตัวอักษรนิสสันภาษาอังกฤษอยู่ตรงกลาง ราคาเปิดตัวในช่วงแรกอยู่ที่ประมาณ 199,000 บาท ถึง 260,000 บาท
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ“นิสสัน บิ๊กเอ็ม D-21 หรือ รุ่นหน้าหัก” (Nissan Big-M D21)
ปี พ.ศ.2536 ก็มีการปรับโฉมครั้งใหญ่ ให้ด้านหน้าหนาขึ้น (หน้าหัก) และมาพร้อมโป่งข้างแบบที่กำลังฮิตอยู่ที่อเมริกาในขณะนั้น แต่ยังคงวางเครื่องดีเซลตัวเดิม คือ “BD 25” 2,500 ซีซี สำหรับเบ็นซินก็ “Z 20” อีกสองปีถัดมา (พศ.2538) ก็มีการปรับโฉมกันอีกครั้ง ซึ่งสวนทางกับตลาดโลก นั่นคือการเปลี่ยนฝากระโปรงไปเป็นแบบที่มีช่องรับลมทรงยาวเรียงกันอยู่สามช่องเพิ่มขึ้นมาในช่วงที่เป็นมุมหักเดิม ต่อมาถึง พ.ศ.2540 ก็ยังมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซลให้ใหญ่ขึ้นเพื่อต่อสู้กับคู่แข่ง ด้วย “TD 27” ในขนาด 2,700 ซีซี สำหรับในรุ่นนี้จะมีแบบ ดับเบิ้ลแค็บ ในพิกัดของ รถกระบะดัดแปลง ให้สั่งต่อกันได้อีก
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบ“นิสสัน บิ๊กเอ็ม ฟรอนเทียร์” (Nissan Big-M Frontier)
รถกระบะรุ่นใหม่ เปิดตัวในปี พ.ศ. 2541 เปลี่ยนรหัสการเรียกตัวรถเป็น “D 22” ที่ออกแบบให้มีความปราดเปรียวสไตล์สปอร์ต พรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายเช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง ยังคงใช้โครงสร้างหัวเก๋งเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนโครงหน้ารถและเปลือกนอกทั้งหมด ตลอดจนบานประตู ไปเป็นแบบรูปลักษณ์ใหม่ จากนั้นก็ติดตั้งเครื่องดีเซล “TD 27“ ตัวเดิมสำหรับตัวรถรุ่นขับเคลื่อนสองล้อธรรมดา แล้วเปลี่ยนเครื่องยนต์เบนซินไปเป็น “KA 25 E” ขนาด 2,400 ซีซี
ตรงนี้มีภาพ! แต่ท่านจะมองไม่เห็น , ท่านต้อง สมัครสมาชิก หรือ
ลงชื่อเข้าระบบขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก : Nissan Thailand
ที่มา :
http://www.facebook.com/NissanThailandhttp://www.navaraclubthailand.com/index.php/topic,445.0.html
